สาวร้องสื่อถูกจนท.เก็บเงินค่าจอดรถเทศบาลนครปากเกร็รุมทำร้าย นอนกองคาตู้เก็บเงินจอดรถ ลานจอดรถยนต์ใต้สะพานพระราม 4 ต้นสังกัดยังนิ่งไร้การชี้แจง
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพบาดแผลหญิงสาวถูกทำร้ายร่างกายบริเวณต้นคอ และข้อศอก โดยระบุข้อความว่า " ช่วยด้วยค่ะ แม่เราโดน พนักเก็บเงินจอดรถเทศบาลปากเกร็ดรุมทำร้ายร่างกาย ค่ะ แม่ได้เข้าไปใช้บริการจอดรถที่ท่าน้ำปากเกร็ด พนักงานที่ทำร้ายแม่เรียกพวกมารุมทำร้าย เขาไม่ชอบขี้หน้าแม่เรา จึงมีปากเสียงและเดินเข้ามาด่าและยึดโทรศัพท์แม่เราไปแบบไม่ทันตั้งตัวเลย จากนั้นก็เริ่มตบตี
เหตุเกิดประมาณ 09.45 น. วันที่ 27 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ใครมีคลิปหลักฐานช่วยรบกวนส่งมาในแชททีนะคะ แม่เราคนเดียวแต่โดนพวกนี้รุมทำร้าย 4-5 คน มีผู้ชายรุมด้วย โมโหมากค่ะ คนพวกนี้ไม่ควรมีที่ยืนในสังคม หรือมีหน้าตามีหน้าที่การงานอะไรทั้งนั้น จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เบื้องต้นตอนนี้มีหลักฐานจากกล้อง cctv ปากเกร็ด เพียงบางส่วน
รบกวนพี่ๆชาวปากเกร็ดช่วยหนูหน่อยนะคะ ต้องการทวงความยุติธรรมให้แม่ค่ะ หัวอกคนเป็นลูก มันเจ็บแค้นใจมากๆค่ะ เราต้องการให้คนพวกนี้ได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 29 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณ ลานจอดรถใต้สะพานพระราม4 ท่าน้ำปากเกร็ด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนางชญาภา สมทรัพย์ ผู้เสียหาย อายุ 48 ปี อดีตพนักงานเก็บเงินค่าจอดรถเทศบาลนครปากเกร็ด และนายวุฒิพงษ์ เกลี้ยงกลางดอน 27 ปี สามี พร้อมด้วย น.ส.ธิดารัตน์ สมทรัพย์ อายุ 22 ปี ลูกสาวผู้โพสต์เฟซบุ๊ก หลังแม่ถูก 2 ผัวเมียพนักงานเก็บเงินค่าจอดรถเทศบาลนครปากเกร็ด ขี่จยย.ลงจอดชี้หน้าด่าหยาบคาย ก่อนโทรเรียกพี่สาวมารุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ โทรศัพท์มือถือเสียหาย แจ้งความไว้ที่สภ.ปากเกร็ด
กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์บริเวณลานจอดรถยนต์ใต้สะพานพระราม4 ท่าน้ำปากเกร็ด วันที่ 27 พ.ค.66 เวลา 09.45 น. บันทึกภาพเหตุการณ์ระยะไกลเห็นพฤติกรรม บางส่วนของกลุ่มผู้ก่อเหตุอยู่บริเวณหน้าตู้เก็บเงินลานจอดรถยนต์
ส่วนคลิปจากกล้องมือถือบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะพี่สาวของผู้ก่อเหตุคือ น.ส.กุ้ง สวมเสื้อสีแดงกางเกงขาสั้น แย่งโทรศัพท์มือถือผู้เสียหาย ขณะถ่ายคลิปได้เห็นคู่กรณี น.ส.มะปราง สวมเสื้อเชิ้ตคอปก แขวนบัตรพนักงาน กางเกงขายาวสีดำ วิ่งลงจากรถจยย.มาทำร้ายร่างกายในเวลาต่อมาก่อนวิดิโอจะถูกตัดออกไป
นางชญาภา กล่าวว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 09.20 น.ตนขับรถยนต์มาจอดลานจอดรถใต้สะพานพระราม 4 ตรงข้ามโลตัส ปากเกร็ด จากนั้นก็ลงจากรถไปซื้อของในโลตัสตามปกติ หลังจากซื้อของเสร็จก็จะเดินไปซื้อของกินแถวท่าน้ำปากเกร็ด จึงแวะไปทักทายเพื่อนร่วมงานเก่าที่ตู้เก็บเงินค่าจอดรถ และได้ฝากของที่ซื้อมาจากโลตัสไว้กับเพื่อนที่ตู้เก็บเงิน เพื่อจะไปร้านสะดวกซื้อ แต่ยังไม่ทันได้ไป คู่กรณีตนก็ขี่จยย.มากับผัว ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นพนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด คู่กรณีตนชื่อ มะปราง สามีเขาชื่อ แจ็ค ขี่จยย.มาจอดบริเวณที่ตนยืนอยู่ ก่อนคนเป็นผัวที่ชื่อ แจ็ค ลงมาชี้หน้าด่าตนว่า "ตอแหล" ก่อนเมียที่ชื่อมะปราง ก็ลุมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย แล้วก็โทรศัพท์เรียกพี่สาวที่ชื่อกุ้งให้มาบริเวณที่เกิดเหตุ ผ่านไปไม่นานพี่สาวคู่กรณีมาก็เดินเข้ามาลุมด่า ก่อนจะปรี่เข้ามาลุมทำร้ายตน รอบแรกมีทางนายแจ็ค มะปราง และกุ้ง เข้ามารุมทำร้าย โดยนายแจ็คทำทีเหมือนจะเข้ามาห้ามแต่จับหัวตนกดเอาไว้ ส่วนอีก 2 คนก็รุมทำร้ายตนโดยการดึงหัว จิกหัว และโดนทุบที่หัว ผ่านไปสักพักตนมีสติลุกขึ้นได้หยิบมือถือมาถ่ายคลิปเยื่องจากทางคู่กรณีเรียกพวกมาประมาณ 4-5 คน ทางน.ส.กุ้งเห็น เดินปรี่เข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือขณะถ่ายคลิปแล้วใช้มือทุบไปที่ต้นคอ ก่อนน้องสาวจะวิ่งเข้ามาจิกหัวและทำร้ายร่างกายตนต่ออีกครั้ง ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าซ้าย ข้อศอกข้างซ้าย และรอยฟกช้ำที่ลำคอและศรีษะ ระบมทั่วร่างกาย
นางชญาภา กล่าวต่ออีกว่า ตนเคยมีเรื่องระหองระแหงกับทางคู่กรณีก็คือน.ส.มะปราง ตอนที่ตนยังทำงานอยู่ที่เทศบาลนครปากเกร็ด สาเหตุคาดว่าไม่ชอบหน้ากัน ประกอบกับตนเคยถูกน.ส.มะปราง ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังหัวหน้า เรื่องตนขับรถมาทำงานไม่รับบัตรจอดรถยนต์ และอีกหลายๆเรื่อง ตนเลือกที่จะเงียบแต่สุดท้ายทนไม่ไหวลาออกจากงานเมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 ที่ผ่านมา แล้วส่งเรื่องร้องเรียนยังหัวหน้าครั้งแรก และครั้งเดียวทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน ร้องเรียนไปว่าน.ส.มะปราง พาญาติมาจอดรถแล้วไม่รับบัตรจอดรถยนต์ จึงคิดว่าสาเหตุมาจากเรื่องนี้ที่ทำให้คู่กรณีโกรธจึงมาทำร้ายร่างกาย ตอนนี้รู้สึกกลัวเรื่องความปลอดภัย รู้สึกเสียใจ และอับอายเพราะตรงนี้เป็นที่สาธารณะมีคนเห็นเหตุการณ์เต็มไปหมด เบื้องต้นแจ้งความไปแล้วที่สภ.ปากเกร็ด ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมถึงให้ทางคู่กรณี 2 ผัวเมีย ออกจากเทศบาลเพราะละทิ้งหน้าที่มาทำร้ายร่างกายตนขณะทำงานอยู่
น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่ทราบเรื่องว่าแม่ถูกทำร้ายร่างกายรู้สึกเจ็บใจและเสียใจ เนื่องจากตนอยู่กับมามาตลอดตั้งแต่เกิดรู้นิสัยแม่ดีว่าแม่ตนไม่เคยไปคิดร้ายกับใครก่อน พอทราบเรื่องแล้วก็คิดอยู่ว่าคนก่อเหตุทำไมถึงยังทำงานได้ต่อ ทางเทศบาลนครปากเกร็ดจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แม่ไปไหนตนต้องตามไปด้วย เพราะว่าวันเกิดเหตุแม่ตนแค่มาตลาดซื้อของตามปกติยังโดนทำร้ายร่างกายกลางวันแสกๆ คนอยู่กันเต็มไปหมด ซึ่งแม่ตนเป็นคนปากเกร็ดแท้ๆ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถึงจะเคยมีเรื่องระหองระแหงกับคู่กรณีมาก่อนแต่มันก็ควรจะจบตั้งนานแล้วเพราะแม่ตนลาออกไปแล้ว สุดท้ายอยากฝากถึงเทศบาลนครปากเกร็ดให้ช่วยคัดพนักงานที่มีวุฒิภาวะมากกว่านี้ และเอาผิดกับคนที่กระทำความผิดให้ถึงที่สุดไม่ต้องเก็บเอาไว้ให้เสียชื่อเทศบาล
นายแดง อายุ 51 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนเห็นผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคู่อริกับผู้เสียหาย มีการตะโกนพูดคุยว่าทางคนเจ็บไปว่าพี่สาวของเขา ส่วนคนเจ็บก็ตอบว่าไม่เคยไปว่าใคร ทางผู้ก่อเหตุไม่ยอมจึงโทรเรียกพี่สาวให้มาที่เกิดเหตุ ขณะพี่สาวผู้ก่อเหตุมาก็มีการตะโกนด่ากันหยาบคายก่อนจะวิ่งเข้าไปรุมทำร้ายคนเจ็บ จากนั้นทางพลเมืองดีก็เข้าช่วยเหลือ หากไม่มีใครเข้าไปช่วยคนเจ็บอาจจะเจ็บเยอะกว่านี้ เพราะว่าคนเจ็บไม่มีทางต่อสู้ได้เลย ส่วนตัวตนก็เคยเห็นและรู้จักกับผู้ก่อเหตุมานานแต่ไม่ได้สนิทกันเพราะทำงานอยู่ที่ตู้เก็บเงินลานจอดรถ รู้เพียงว่าเขาเป็นคนใจร้อนพรรคพวกเยอะ และเป็นคนไม่ยอมใคร