รอง ผบ.ตร.พร้อมสู้คดีหาก "แอม ไซยาไนด์" ฟ้องกลับเข่นเดียวกับพยานคืนอื่น ยันทำคดีตรงไปตรงมา ด้านชุดคลี่คลายคดีเตรียมขอศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 1 คน
วันนี้ (20 พ.ค.) ความคืบหน้าคดีนางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาฆ่าวางยาเหยื่อ หลังจากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันทำลายพยานหลักฐานกับพ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามีของนางสรารัตน์ไปแล้ว และจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของตำรวจภาค 7 พบว่า มีคนรู้เห็นกับการกระทำความผิดของนางสรารัตน์ และเป็นคนสั่งการให้นางสรารัตน์ ซุกซ่อนของกลาง โดยการส่งทรัพย์สินของ น.ส.ก้อย ผู้ตายไปให้ น.ส.แก้ว เพื่อนสนิทของนางสรารัตน์ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของนางสรารัตน์ ที่ให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และพนักงานสอบสวน ที่เข้าสอบปากคำในเรือนจำ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีได้ประชุมสรุปความเห็นและตรวจสอบสำนวนประจำสัปดาห์ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า จากพยานหลักฐานและผลการสืบสวนสอบสวน พบมีคนเข้าไปมีส่วนกับการทำลายหลักฐาน จึงเตรียมขออำนาจศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มอีก 1 คน
โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวพยานหลักฐานเตรียมเสนอศาลพิจารณาในวันจันทร์ที่ 22 พ.ค.นี้ ส่วนที่ว่าบุคคลดังกล่าวจะใช่หญิงสาวหรือไม่นั้น ยังไม่มีตำรวจนายใดออกมาให้ข้อมูล เพียงระบุให้อดใจรอ ขอเวลาให้ตำรวจทำงานอีกสักนิด หมายจับออกมาก็จะรู้ว่าเป็นใคร
ส่วนกรณีผู้ต้องหาประกาศจะฟ้องกลับพยาน ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียหายทุกคนรวมถึงตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนยกชุดนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า นางสรารัตน์สามารถทำได้ แต่ศาลจะรับฟังหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนตัวขอยืนยันทำคดีอย่างตรงไปตรงมา และเป็นคนควบคุมคดีนี้เอง ไม่มีตำรวจนายใดแตกแถว หรือทำคดีเพื่อใส่ร้าย ป้ายสี ให้นางสรารัตน์ต้องรับโทษ หากจะฟ้องดำเนินคดีกับตน ก็พร้อมต่อสู้คดี เช่นเดียวกับพยานคนอื่นๆ ตนก็พร้อมปกป้องเช่นกัน