“Wellness Industry” หรืออุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพ นับเป็นเทรนด์ที่สำคัญของโลก ทั้งนี้ Global Wellness Institute (GWI) รายงานว่าปี 2568 มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพของทั้งโลก จะมีมูลค่าประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 230 ล้านล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ การผลักดันอุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพของไทยในทุกระดับจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ล่าสุด ศูนย์ความร่วมมือ GBA จีน-อาเซียน (CAGCC) (China-ASEAN GBA Cooperation Center) และ Alliance of Global Talent Organizations (AGTO) ได้จัดงาน Global Talents Summit 2023 ขึ้น ณ Wynn Palace, มาเก๊า โดยมีผู้แทนกว่า 200 คน รวมถึงผู้บริหารธุรกิจ นักวิชาการ และนักการทูต ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อการบ่มเพาะและการวางแผนผู้มีความสามารถ การพัฒนาคุณภาพ และความร่วมมือด้านการค้าบริการดิจิทัลระหว่างจีนและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ด้วย นับเป็นการแลกเปลี่ยนในเชิงลึกของความสามารถทางการเงินและการประกันภัยใน GBA
นอกจากนี้ เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของมาเก๊ามีโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่สนับสนุนให้บริษัทเทคโนโลยีเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครโดยเฉพาะในด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางการเงิน การศึกษา ตลอดจนการเสริมศักยภาพด้านดิจิทัล จึงมีการหยิบยกเอาเรื่องราวต่างๆ มาร่วมพูดคุย เช่นเดียวกับเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพ ที่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาพูดในหลายประเด็น
นายธวัช จรุงพิรวงศ์ ประธานวิสาหกิจชุมชน Thai Herb Centers ที่ได้ร่วมเดินทางไปประชุมกับคณะกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นำโดยนายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นความเคลื่อนไหวของเทรนด์ธุรกิจด้านสุขภาพ ทำให้เห็นช่องว่างว่าสมุนไพรไทย และองค์ความรู้ด้านสุขภาพของแพทย์แผนไทย ยังมีโอกาสในตลาดโลก โดยเฉพาะในเอเชีย เพราะสามารถนำมาใช้ดูแลสุขภาพได้ทั้งร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญองค์ความรู้ทางด้านสุขภาพของไทยยังมีความแตกต่างออกไปจากประเทศอื่นๆ อีกด้วย
“การเดินทางไปร่วมประชุมในครั้งนี้ นอกจากจะได้เห็นว่า ทั่วโลกให้ความสนใจอุตสาหกรรมความงามและการดูแลสุขภาพ ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วผมยังได้นำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่ผลิตขึ้น โดยวิสาหกิจชุมชน เช่น ชาอัสสัมโบราณ ตรา เดอ ที ชาระดับโลกที่สุดของความพรีเมียมจากยอดชาขาวตรา เดอ ที (Asssam White Tea Brand de.T) ผลิตจากชาอัสสัมโบราณอายุกว่า 100 ปี การันตีคุณภาพจากรางวัล Gold Prize Award 2021 โดย World Green Tea Association เข้ามอบแก่ ฯพณฯ อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และ ฯพณฯ เปาโล นาซิเมนโต เอกอัครราชทูตโปรตุเกสประจำประเทศจีน รวมทั้งนักธุรกิจท่านอื่นๆ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยบุกเบิก และนำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไปเปิดตลาดในแถบเอเชียในอนาคตอันใกล้นี้” ประธานวิสาหกิจชุมชน Thai Herb Centers กล่าวในตอนท้าย