ศาลพิจารณาคดีมีคำสั่งให้ปิดเว็บไซต์กองสลากพลัส เห็นว่า ข้ออ้างของบริษัทที่อ้างว่าส่วนเกินจากราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลคือค่าบริการต่างๆ ฟังไม่ขึ้น ขัดต่อกฎหมาย
วันนี้ (16 พ.ค.) รายงานข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบแพลตฟอร์มกองสลากพลัสออกจากระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และความผิดอื่นๆ รวมถึงการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้เด็กและเยาวชนซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและอาจเข้าข่ายขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
โดยศาลอาญาได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มกองสลากพลัส และปิดเว็บไซต์ชั่วคราว เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 จนกว่าศาลจะพิจารณาคดีแล้วเสร็จหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น นั้น
ล่าสุด ศาลได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้นและมีคำสั่งให้ปิดเว็บไซต์กองสลากพลัส โดยศาลเห็นว่าข้ออ้างของบริษัทที่อ้างว่าส่วนเกินจากราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลคือค่าบริการต่าง ๆ นั้น ฟังไม่ขึ้น การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดไว้ในสลากฯ เป็นการขัดต่อกฎหมาย และเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวออกจากระบบคอมพิวเตอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาได้มีคำสั่งปิดเว็บไซต์กองสลากพลัส ตามคำร้องของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา
รายละเอียดระบุว่า ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏตามประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขอให้ดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบ คอมพิวเตอร์ และหนังสือซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงฯ กองกฎหมาย มีหนังสือขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจให้มีคำสั่ง ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ กรณีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล บนแพลตฟอร์มกองสลากพลัส และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคมเห็นชอบ ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้อง นอกจากนี้แม้ผู้คัดค้าน ไม่ใช่ตัวแทนจำหน่ายหรือและไม่ใช่ผู้ลงทะเบียนซื้อจองกับสำนักงานสลากกินแบ่ง รัฐบาลก็ตาม แต่ผู้คัดค้านมีสิทธิจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยรวมราคาสูงสุดไม่เกิน ฉบับละ 80 บาท ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า เงินที่เกินเป็นเงินค่าสนับสนุนเว็บไซด์หรือ แพลตฟอร์มอันเป็นค่าใช้จ่ายปกติในการดำเนินการทั่วไป เห็นว่า ผู้คัดค้านคิดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานจากสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นรายฉบับๆ ละ 95 บาท หาใช่คิดค่าบริการเป็นรายครั้งไม่ เงินส่วนที่เกินจึงไม่ใช่เป็นค่าบริการในการดำเนินการ ในแต่ละครั้ง หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อรวมกันแล้วเกินกว่าที่กำหนดไว้อันเป็นการต้องห้ามตามกฎหมายและเป็นการกระทำความผิดทางอาญา
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ซื้อยินยอมและสมัครใจนั้น เห็นว่า หากผู้ซื้อไม่กดในช่องยินยอม และสมัครใจก็ไม่อาจเข้าใช้บริการได้ การยินยอมและสมัครใจเช่นนี้ไม่ถือเป็นการยินยอมและสมัครใจอย่างแท้จริง เมื่อพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 มาตรา 39 บัญญัติว่า “ผู้ใดเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออก ตามพระราชบัญญัตินี้ และยังไม่ได้ออกรางวัลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่ง รัฐบาล ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท” แสดงให้เห็นว่าการจำหน่าย สลากกินแบ่งรัฐบาลเกินกว่าที่กำหนดเป็นการต้องห้ามตามกฎหมายและเป็นการ กระทำความผิดทางอาญา เมื่อผู้คัดค้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีราคาเกินไป กว่าความเป็นจริงอันมีลักษณะเป็นการกระทำความผิดซ้ำๆ โดยไม่เกรงกลัว ต่อกฎหมาย ดังนั้นข้อมูลที่ปรากฏ เว็บไซต์ละแอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์ม http:// facebook.com/kongsalakplus ดังกล่าวจึงมีเนื้อหาเป็นการจำหน่าย สลากกินแบ่งรัฐบาลเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านสื่อออนไลน์สาธารณะที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย
การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าว จึงเข้าข่ายการมอมเมาและส่งเสริมการละเล่นพนันให้แพร่หลายโดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ประชาชน มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 14(1) แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
จึงมีคำสั่งให้ระงับ การทำให้แพร่หลาย หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีเนื้อหาอันมีลักษณะขัดต่อความ สงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จำนวน 3 URLS ออกจากระบบคอมพิวเตอร์