รอง ผบ.ตร.เผยเตรียมออกหมายจับเพิ่ม เป็นคนสนิท "แอม ไซยาไนด์" ช่วยแนะนำและทำหลายหลักฐาน แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงร่วมกันฆ่า
วันนี้ (15 พ.ค.) ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณี น.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาฆ่าวางยาไซยาไนด์เหยื่อ ว่า คาดว่าวันที่ 16 พ.ค. จะมีการออกหมายจับเพิ่ม ส่วนความคืบหน้าของคดี เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้นำสำนวนสืบสวนมาประกบเข้ากับสำนวนการสอบสวนแล้ว โดยสัปดาห์หน้าจะเริ่มสรุปสำนวนการสอบสวนในส่วนที่สมบูรณ์ เพื่อมีความเห็นในการสั่งคดีไปยังพนักงานอัยการ ส่วนทั้งสัปดาห์นี้จะเป็นการดูรายละเอียด รวมถึงเรื่องรายงานการสืบสวน เพื่อนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวนทั้งหมด
สำหรัยการออกหมายจับเพิ่มเติม ซึ่งผู้ใกล้ชิดกับ น.ส.สรารัตน์ ตอนนี้กำลังไล่รายอะเอียดอีกเล็กน้อย โดยช่วงบ่ายของวันนี้จะเข้าไปสอบปากคำ น.ส.สรารัตน์ เพิ่มเติม ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร อีกทั้งยืนยันการออกหมายจับไม่ได้ทำตามกระแสสังคม แต่ทำตามพยานหลักฐาน เพราะหากทำตามกระแสสังคม เราสามารถขออนุมัติหมายจับได้ แต่เมื่อไปถึงศาลก็จะยกฟ้อง ทำให้เกิดผลเสียมากกว่า ดังนั้นทุกคดีต้องทำอย่างรอบครอบ
โดยคนใกล้ชิดน.ส.สรารัตน์ ที่จะออกหมายจับนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่แนะนำ และ ช่วยกันทำลายพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานไปถึงร่วมกันฆ่า โดยคนใกล้ชิดรายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องในบางคดีเท่านั้น ส่วนกรณีเส้นเงิน 78 ล้าน และบัญชีธนาคาร คาดว่า วันพุธจะแล้วเสร็จทั้งหมด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า วันนี้ต้องเอาทั้ง 15 คดีให้จบก่อน ส่วนราย อื่นๆที่เกี่ยวข้องต้องไล่ดำเนินการในภายหลัง ส่วนน้องสะใภ้ และน้องชายของ น.ส.สรารัตน์ตอนนี้เรียกมาสอบปากคำแล้ว ขณะนี้ยังไม่พบการกระทำความผิด
อย่างไรก็ตามสรุปสั้นๆ ได้ว่า วันนี้ในส่วนของ น.ส.สรารัตน์ไม่มีปัญหา เพราะพยานหลักฐานมัดแน่น ส่วนผู้เกี่ยวข้องพรุ่งนี้จะรายงานให้ทราบต่อไป คาดว่า สุดสัปดาห์นี้เริ่มสรุปไทม์ไลน์ได้ ส่วนการแต่งตั้งทนายใหม่ก็ให้เป็นสิทธิ์ของ น.ส.สรารัตน์ แต่ทนายคนเดิมคือ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช ยังคอยให้คำปรึกษาในฐานะเพื่อนอยู่
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวว่า มีการสอบปากคำพยานบุคคลสอบไปแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงผลตรวจวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่พบเพิ่มเติมจากที่ไปเจอในรถและแคปซูลยา อยู่ระหว่างการดำเนินการนำมารวบรวมประกอบสำนวน
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ส่วนคดีอื่นๆนั้น ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในฐานะหัวหน้าคณะสืบสวนสอบสวน ได้กำชับให้ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งประสานข้อมูลทำงานร่วมกันเพื่อเร่งคลี่คลายคดี ส่วนกรณีจะมีการออกหมายจับบุคคลอื่นเพิ่มเติมหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างดำเนินการ หลังฝ่ายสืบสวนพบพยานหลักฐานว่ามีการยักย้ายถ่ายเทพยานหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นบุคคลใด ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ต้องรอให้ทางฝ่ายสืบสวนที่พบหลักฐานการกระทำผิดเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางกองปราบปราม จากนั้นจึงจะมีการเชิญตัวบุคคลดังกล่าวมาทำการแจ้งข้อกล่าวหา ตามขั้นตอนต่อไป