ศุลกากรร้องตำรวจสอบสวนกลาง เอาผิดขบวนการลักลอบนำเข้าหมูแช่แข็งผ่านทางเรือสินค้า หวั่นกระทบเกษตรกร- แพร่เชื้ออหิวาต์
วันนี้ (12 พ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รอง อธิบดีกรมศุลกากร รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.สําเริง อําพรรทอง รอง ผบก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน ในความผิดฐาน “นำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ใด้รับอนุญาต” โดยนำหลักฐานต่างๆ มามอบให้ประกอบการพิจารณา
นายพันธ์ทอง กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวนมาก เฉพาะในรอบ 1 ปี สามารถตรวจยึดเนื้อหมูเถื่อนได้ 4.8 ล้านกิโลกรัม มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรเกิดความกังวลใจ เพราะกรณีดังกล่าวอาจทำให้กลไกตลาดเกิดความเสียหาย เพราะเนื้อหมูที่ลักลอบนำเข้ามานั้นมักไม่มีหลักแหล่งที่มาที่ไป ประกอบกับมีการระบาดของโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (AFS) ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตสุกรของไทย ในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับสุขอนามัยของผู้บริโภคภายในประเทศ
นายพันธ์ทอง กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้ทางกรมศุลกากรจึงทำการสำรวจของค้างบัญชีเรือที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรเกินกำหนดเวลา 30 วัน ซึ่งจากการสำรวจพบเรือสินค้าที่ไม่มีใบรับรองการขนสินค้า และ ไม่ได้เสียอากร รวมถึงไม่มีผู้มาแสดงความเป็นเจ้าของจำนวนมาก จึงทำการเปิดสำรวจ พบเป็นสินค้าจำพวกเนื้อหมูแช่แข็ง จำนวน 161 ตู้ อีกทั้งจากการตรวจสอบยังพบว่าสินค้าดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ ในการนำเข้ามาซึ่งถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน กฎหมายมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ ศ. 2558 เพื่อเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรภายในประเทศ และ ป้องกันโรคระบาคสู่ผู้บริโภค กรมศุลกากร จึงอยากให้ตำรวจสอบสวนกลาง ขยายผลดำเนินคดีเอาผิดบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในฐานะนิติบุคคลและในฐานะส่วนตัว
ด้าน พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางตำรวจสอบสวนกลาง จะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา โดยจะเร่งดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป