xs
xsm
sm
md
lg

ศาลไม่ให้ประกัน 6 สมุนอดีตพระคม ชี้พฤติการณ์บ่อนทำลายศาสนา ของกลางมูลค่ามาก เกรงหลบหนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ศาลอาญาคดีทุจริตไม่ให้ประกัน 6 สมุนอดีตพระจารย์คม ชี้พฤติการณ์บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ของกลางมีมูลค่าจำนวนมาก เกรงหลบหนี

วันนี้ (11 พ.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำตัว นายบุญส่ง หรืออดีตพระมหาบุญส่ง ผ่านภูวงษ์ อายุ 34 ปีนายบุณยศักดิ์ หรือไอซ์ ภัทรโกศล,นายบุญเหลือ หรือ พระบุญเหลือ โพธิ์ทอง อายุ 37 ปี,นายธนกฤต หรืออดีตพระธนกฤต ยศสุรินทร์ อายุ34ปี,นายบัณดิษฐ์ หรืออดีตพระบัณดิษฐ์ ย่อยชา อายุ 38 ปี,นายณัฐพัชร์ หรืออดีตพระณัฐพัชร์ หรือเบนซ์ ตั้งใจสนอง อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่1-6 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา12 วันต่อศาล

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้ดำเนินคดีกับ นายวุฒิมา หรืออดีตพระวุฒิมา เถาว์หมอ ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน มี หน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่น เอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และดำเนินคดีกับ นายคม หรืออดีต พระคม คงแก้ว ผู้ต้องหาที่ 1 ,น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือรับของโจร

กรณีผู้ต้องหาได้ร่วมกันเบียดบังเอาเงินของวัดป่าธรรมคีรีไปเป็นของ ตนเอง หรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้วัดป่าธรรมคีรี ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 182,776,733 บาท

ต่อมาวันที่ 1 พ.ค.เวลาประมาณ 13.00 น.นายคม คงแก้ว ก่อนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้สั่ง การให้ พระมหาบุญส่ง ผ่านภูวงษ์, พระบุญเหลือ โพธิ์ทองพระบัณดิษฐ์ ย่อยชา ไปเก็บทรัพย์สินของวัดป่าธรรมคีรี ทั้งเงิน สดและทองคำ ที่อยู่ในห้องทำงานของอดีตพระคม และอดีตพระวุฒิมา บรรจุใส่กระเป๋าเดินทางไว้ นำไปซุกซ่อนไว้ตาม สถานที่ต่างๆภายในวัด และรอให้อดีตพระคม สั่งว่าจะให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกจากวัดเมื่อใด ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. วันเดียวกัน พระมหาวุฒิมา ได้สั่งให้พระบุญส่ง และพระบัณดิษฐ์ กับพวกขนย้ายทรัพย์สิน และทองคำออกจาก กุฏิเจ้าอาวาส เอาไปซุกซ่อนตามที่ต่างๆเช่นกัน ครั้นพอถึงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 2 พ.ค. พระ มหาบุญส่ง ,พระบุญเหลือ พระธนกฤต ยศสุรินทร์, พระบัณดิษฐ์, พระณัฐพัชร์, ตั้งใจสนอง ได้ช่วยกันเก็บรวบรวม ทรัพย์สินเป็นเงินสดและทองคำจากห้องทำงานของอดีตพระคม และกุฏิเจ้าอาวาสของพระวุฒิมา บรรจุใส่กระเป๋าเดินทาง ไว้ และนำไปซุกซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ ภายในวัด

วันที่ 2 พ.ค.เวลาประมาณ 14.00 น. พระวุฒิมา ได้ลาสิกขา และพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดป่าธรรมคีรี และมีการแต่งตั้ง พระราชวชิราลังการ ฉายา สุทธิญาโร ดำรงตำแหน่ง เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และมีการจัดให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดโดยเฉพาะทองคำ น้ำหนัก 300บาท (ราคาประมาณ 9 ล้าน) ซึ่งนายวุฒิมา หรืออดีตพระวุฒิมา ใช้เงินของวัดป่าธรรมคีรีไปซื้อมา และนำไปเก็บไว้ภายในตู้เซฟ ภายในกุฏิของตนเอง ภายในวัดดังกล่าว ซึ่งต่อมา รักษาการเจ้าอาวาส สั่งห้ามเข้ากุฏิของเจ้าอาวาส ต่อมาในวันที่ 7 พ.ค. เวลาประมาณ 02.40 น. อดีตพระคม ได้ใช้โทรศัพท์ มาหา พระณัฐพัชร์ แต่พระณัฐพัชร์ ไม่ได้รับสาย และต่อมาพระณัฐพัชร์ จึงโทรศัพท์กลับไปที่พบว่าผู้รับสายเป็นเสียงของนายคม คงแก้ว หรืออดีตพระคม พูดว่า ให้บอกพระบุญส่ง และพระบัณดิษฐ์ ว่า ให้เอาของที่ยังอยู่ในวัดออกไปข้างนอกให้หมด และพระสองรูปนี้จะ เข้าใจเอง พระพุทธรูปและเทวรูปต่างๆที่อยู่ภายในวัด ให้เอาไว้บรรจุในพระอุโบสถเจดีย์ โดยพระพุทธรูปให้บรรจุไว้ด้านบน เจดีย์ ส่วนเทวรูปต่างให้บรรจุไว้ตามซุ้มประตูโบสถ์ ส่วนทองคำจะแจ้งว่าให้นำไปหล่อพระเมื่อใดนั้น จะแจ้งให้ทราบ ภายหลัง

จากนั้น พระมหาบุญส่ง ผ่านภูวงษ์ พระบุญเหลือ โพธิ์ทอง พระธนกฤต ยศสุรินทร์ พระบัณดิษฐ์ ย่อยชา พระณัฐพัชร์ ตั้งใจสนอง, นายบุณยศักดิ์ ภัทรโกศล จึงได้ช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินเอาไปซุกซ่อนไว้นอกวัด ต่อมาวันที่ 7 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยรักษาการเจ้าอาวาส จึงได้ร่วมกันทำ การตรวจสอบกุฏิของนายวุฒิมา หรืออดีตพระวุฒิมา แต่ผลการตรวจสอบไม่พบทองคำจำนวนดังกล่าว จึงได้สอบถามอดีต พระวุฒิมา อีกครั้งว่านำทองคำไปซุกซ่อนไว้ที่ใด อดีตพระวุฒิมาให้การว่าตนได้สั่งการให้ พระบัณดิษฐ์ ย่อยชา (พระ เฉาก๊วย) เป็นคนเก็บรักษาทองคำโดยเป็นผู้ถือกุญแจกุฏิ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ไปสอบถาม พระบัณดิษฐ์ ย่อยชา (พระเฉาก๊วย) จึงให้การว่า ได้นำทองคำจำนวนดังกล่าวมอบให้นายบุณยศักดิ์ ภัทรโกศล (ไอซ์) ซึ่งเป็นคนขับรถของอดีตพระคม นำไป เก็บรักษาไว้ และได้ทราบว่านอกจากทองคำจำนวนดังกล่าวยังมีทรัพย์สินอื่นของวัดอีกเป็นจำนวนมาก ที่อดีตพระคม ได้สั่ง การให้พระมหาบุญส่ง ผ่านภูวงษ์, พระบุญเหลือ โพธิ์ทอง, พระบัณดิษฐ์ ย่อยชา ไปเก็บทรัพย์สินของวัดป่าธรรมคีรี ทั้งเงิน สดและทองคำ ที่อยู่ในห้องทำงานของอดีตพระคม และอดีตพระวุฒิมา บรรจุใส่กระเป๋าเดินทางไว้ แจ้งให้นำไปซุกซ่อนไว้ ตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด หลังจากทราบความจริงแล้ว จึงติดตามให้ นายบุณยศักดิ์ ขับรถยนต์ตู้คันข้างต้นกลับมาที่วัด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม จึงได้ร่วมกันตรวจค้นรถยนต์ตู้ ยี่ห้อ โตโยต้า พบทองคำแท่ง น้ำหนักจำนวน 300 บาท เงินสด 76,051,522 บาท และสิ่งของหรือทรัพย์สินอื่นอีก จำนวน 878 รายการ

นายบุณยศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 2 รับว่า สิ่งของหรือทรัพย์สินดังกล่าว ตนได้ร่วมกันกับพระบัณดิษฐ์ กับพวก ช่วยกันขนย้ายออกจากกุฏิของอดีตพระวุฒิมา และออกจากศาลาจุลานนท์ วัดป่าธรรมคีรี โดยตนทำหน้าที่ขับรถตู้และบรรทุก สิ่งของหรือทรัพย์สินตามรายการดังกล่าวข้างต้นออกไปจากวัดจริง

กระทำผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “
เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็น ผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือรับของโจร

ตามประมวลกฎหมายอาญา/ พรบ.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83มาตรา 86มาตรา 147มาตรา 157และ มาตรา 357

เหตุเกิดที่ วัดป่าธรรมคีรี ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และที่ กองบังคับการปราบปราม แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร หลายท้องที่เกี่ยวพันกัน

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาที่ 1,3,4,5 ให้การรับสารภาพ ส่วนผู้ต้องที่ 2,6 ให้การปฏิเสธ

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้าน การประกันตัวเนื่องจาก กลุ่มผู้ต้องหาคดีนี้มีพฤติการณ์กระทำความผิดเป็น ขบวนการสร้างศรัทธาให้คนทั่วไปหลงเชื่อเกิดความศรัทธา ได้บริจาคเงินจำนวนมากเข้าบัญชีเงินฝากให้กับวัด แต่ทาง กลุ่มผู้ต้องหา ได้ใช้ความเป็นเจ้าอาวาสร่วมกันเบียดบังเอาเงินบริจาคในบัญชีของทางวัดเป็นของตนโดยทุจริต สร้าง ความเสื่อมเสียกับพุทธศาสนา เกรงว่าจะหลบหนี อีกทั้งกลุ่มต้องหามีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เนื่องจากเจ้า อาวาสที่รักษาการเจ้าอาวาสคนปัจจุบันปิดล็อคและประกาศห้ามเข้าไปภายในห้องประจำตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อรอ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ แต่ในระหว่างที่ นายคม คงแก้ว ถูกควบตัวระหว่างการสอบสวน ได้มีการยืม โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสิบเวรโทรศัพท์ไปสั่งการให้ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ร่วมกันทำการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของ วัด ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่วัดฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจยึดไว้เป็นพยานหลักฐาน นำออกจากห้องประจำตำแหน่ง ของอดีตเจ้าอาวาส นำไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆหลายแห่ง ซึ่งหากผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อย ตัวชั่วคราวไป เชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานทำให้ผลกระทบในทางที่เสียหายต่อการสอบสวนดำเนินคดี

ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตฝากขังได้

ภายหลังผู้ต้องหาที่2เเละ4 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว

ศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาที่2ถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะกระทำความผิดร่วมกับพระภิกษุในขณะครองสมณเพศอันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ทั้งมีการตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดและทองคำมูลค่าเป็นจำนวนมาก หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่2อาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงยังไม่สมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 2 ในระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง

ในส่วนผู้ต้องหาที่ 4 พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาที่ 4 ถูกกล่าวมีอัตราโทษสูง มีลักษณะกระทำการร่วมกันกระทำความผิดโดยผู้ต้องหาที่ 4 กระทำความผิดในขณะที่ครองสมณเพศอันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ทั้งมีการตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดและทองคำมูลค่าจำนวนมาก หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 4 น่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงยังไม่สมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 4 ระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น