“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2566 ตอน สะพัด สูตร “งูเห่าสภาสูง” เพื่อไทยคิดแก้เกม
อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร และ เสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน สองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ตลอดจน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาตอกย้ำหลายรอบว่า จะไม่จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ เด็ดขาด
ถึงขนาด นพ.ชลน่าน เอาหัวเป็นประกัน หากพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ไปจับมือกับพรรค 2 ลุง จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
เป็นการแก้เกม เบรกกระแสความร้อนแรงของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเรตติ้งของ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสีส้ม ที่โพลบางสำนักให้คะแนนแซง อุ๊งอิ๊ง ไปแล้ว หลังมีความชัดเจนในอุดมการณ์และแนวทางทางการเมืองมากกว่าพรรคสีแดง
แต่มันยังเอาอะไรมากไม่ได้ เพราะเมื่อการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ประกาศไม่สนับสนุน บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐในขณะนั้นมาแล้ว แต่สุดท้ายพรรคสีฟ้ายอมไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาลอยู่ดี
โดยการเซ่น อภิสิทธิ์ ให้แสดงความรับผิดชอบ เพื่อเปิดทางให้อะไรๆ มันง่ายขึ้น มันจึงถูกนำมาเปรียบเทียบกับกรณี นพ.ชลน่าน ที่ประกาศว่า หากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุง แล้วจะลาออก
เพราะสังคมทราบดีว่า พรรคเพื่อไทยนั้น เป็นสมบัติของตระกูลชินวัตร อุ๊งอิ๊ง เสมือนทายาทของเจ้าของพรรคที่ถูกส่งลงมาช่วยหาเสียง ในขณะที่ นพ.ชลน่าน เป็นเหมือนเพียงลูกจ้างในบริษัทที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารเท่านั้น
นพ.ชลน่าน ไม่ได้มีกลุ่มก๊วน ไม่ได้มีอำนาจต่อรองอะไรในพรรค การลาออกของ นพ.ชลน่าน จึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเลยกับพรรคเพื่อไทย
เพียงแต่ว่า การที่พรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนว่า จะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง มันจะทำให้การเมืองในอนาคตของตัวเองเข้าสู่สภาวะตกต่ำ และเป็นการทำให้พรรคก้าวไกลยิ่งเจริญเติบโต กลายเป็นเบอร์หนึ่งในขั้วประชาธิปไตยในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป
อาจจะอิ่มหนำสำราญ ได้เบิกบานในตำแหน่งบริหาร แต่ความสุขนี้ของพรรคเพื่อไทยจะอยู่เพียง 1 เทอมรัฐบาล แต่การเลือกตั้งหลังจากนั้นจะไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิม
และว่ากันตามความเป็นจริงพรรคก้าวไกลอยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้น คือ พรรคเพื่อไทยทิ้งพรรคก้าวไกลไปร่วมกับ 2 ลุงได้เลย เพราะครั้งหน้าพวกเขาจะได้พูดได้เต็มปากว่า เป็นผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย
พรรคเพื่อไทยเองคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันว่า มันจะเป็นการแลกที่คุ้มค่าหรือไม่ ความสุขในระยะสั้นที่จะทำให้คะแนนนิยมในระยะยาวดับสูญ
ในขณะที่บางมุ้งในพรรคเพื่อไทยเองก็มีมุมมองอีกแบบ โดยคิดว่า ร้างลาจากฝ่ายบริหารมาร่วมสิบปีแล้ว หากครั้งนี้ต้องเป็นฝ่ายค้านอีกรอบ พรรคจะแตกเช่นเดียวกัน เพราะ ส.ส.จะกระโดดไปอยู่กับฝ่ายอำนาจหมด
และเชื่อว่า หากต้องทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคก้าวไกลอีก สปอร์ตไลต์น่าจะส่องแสงไปยังพรรครุ่นน้องมากกว่าตัวเอง คะแนนความนิยมของพรรคก้าวไกลจะขยับขึ้นอยู่ดีในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป หากไม่ถูกยุบพรรคไปเสียก่อน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังคิดอยู่หลายสูตรด้วยกัน แม้แต่เรื่องการประกาศจะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง แต่สามารถพาตัวเองไปเป็นรัฐบาลได้
ตั้งแต่การขอให้พรรคก้าวไกลยอมลดเพดานตัวเองลงมา เพื่อให้สามารถเดินหน้าบริหารประเทศไปได้ แต่ดูเหมือนพรรคก้าวไกลจะไม่ยอมลดหย่อนผ่อนปรนให้ เพราะคิดว่า การไปเดินตามพรรคเพื่อไทยในรัฐบาล โดยที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับการถูกหลอกกลืนให้กลายเป็นนักการเมืองประเภทเดียวกัน
พรรคก้าวไกลไม่มีปัญหาหากจะเป็นฝ่ายค้าน เพราะสงครามของพวกเขาคือ สงครามระยะยาว ไม่ได้หวังแค่เป็นไม้ประดับในแจกันของพรรคเพื่อไทย แต่ต้องการเป็นผู้นำในวันใดวันหนึ่ง
พรรคเพื่อไทยนั้นเริ่มยอมรับตัวเองแล้วว่า ยากที่จะแลนด์สไลด์ แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้กวาด ส.ส.เข้าสภาให้ได้มากที่สุด หากไม่ถึง 300 ที่นั่ง แต่ขอให้ไปถึงในจุดที่ใกล้เคียง เพื่อง่ายต้องการหยิบจับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เพียงไม่กี่พรรคเข้ามาร่วม
ไม่จำเป็นต้องพึ่งพรรคก้าวไกล และหากเลือกได้ไม่ต้องจับมือกับพรรค 2 ลุง เพื่อพยุงตัวเองให้อยู่พื้นที่ของขั้วประชาธิปไตย ไม่ให้ถูกกร่นด่าในวันข้างหน้า
เริ่มมีการคิดสูตรกันว่า พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับทุกพรรค ยกเว้นพรรคก้าวไกล ที่จะทำให้อายุรัฐบาลสั้น และยกเว้นพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไม่ให้เสียรังวัดเรื่องจุดยืนทางการเมือง
โดยเล็งไปที่ “สภาสูง” ของที่ใครๆ มองว่า เป็นสมบัติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเป็นสมบัติของ บิ๊กตู่ และ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
พรรคเพื่อไทยมองว่า บทเฉพาะกาล ส.ว. 5 ปี เหลือระยะเวลาอีกเพียง 1 ปีเท่านั้น ส.ว.จะสูญสิ้นอำนาจการต่อรองแล้ว เพราะจะไม่มีสิทธิ์เข้าโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อพ้นบทเฉพาะกาลนี้ไป
ขณะเดียวกัน มี ส.ว.บางส่วน ต้องการใช้การโหวตนายกรัฐมนตรีเวทีนี้ เพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ขึ้นมาใหม่ โดยจะไม่สวนกระแสถ้ามีพรรคใดได้เสียงข้างมากจากประชาชนจนล้นหลาม
เพียงแต่มีข้อยกเว้นชื่อเดียวคือ อุ๊งอิ๊ง ซึ่งแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยไม่ส่งไปเสี่ยง แต่จะเป็น เศรษฐา แทน
หากทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ได้ที่นั่งน้อยมากๆ คนเหล่านี้จะตีตัวออกห่าง เพราะการเมืองกำลังจะเปลี่ยนขั้ว
ลือกันเสียงดังว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมแผนจะช้อน “สภาสูง” บางคนมาโหวตช่วย ซึ่งเล็งเอาไว้หลายคน เพื่อให้เพียงพอ ไม่ต้องง้อใครมาก
บางทีอาจจะเห็นเวอร์ชั่น “งูเห่าสภาสูง” กันบ้างถ้าถึงวันนั้น
---------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1..