เหยื่อแห่แจ้งความดำเนินคดีร้านเพชรชื่อดังในสมุทรสาคร เปิดเพจหลอกลงทุนซื้อ-ขายเพชร สูญเงินกว่า 60 ล้าน
วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พาผู้เสียหายประมาณ 30 ราย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร หลอกซื้อขาย-ร่วมลงทุนเพชรทางออนไลน์ เบื้องต้นมีผู้เสียหายมากกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 60 ล้านบาท
นายไพศาล กล่าวว่า ร้านเพชรดังกล่าวมีพฤติกรรมฉ้อโกง หลอกให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนในหลายรูปแบบ ตามโปรโมชั่นของร้าน แต่พบว่ากลับไม่ได้เครื่องเพชร หรือบางรายได้เพชรคุณภาพไม่ตรงตามที่โฆษณา ซึ่งร้านดังกล่าว จะมีการไลฟ์สดขายเพชรผ่านทางออนไลน์ โดยมีหน้าร้านที่ดูน่าเชื่อถือ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงซื้อเพชร มีการจ่ายเงิน แต่เมื่อถึงเวลากำหนดส่งเครื่องเพชร กลับมีการผลัดวันประกันพรุ่ง ขอเลื่อนหลายครั้ง จนเป็นที่น่าสงสัย นอกจากนี้ยังมีการชวนลงทุนเพชร ซึ่งใครๆ ต่างก็รู้กันว่า หลังจากที่ซื้อเพชรมา หากนำไปขายราคาจะตกลงในระดับหนึ่ง ร้านนี้ก็มีโปรโมชั่นออกมา ว่าถ้าซื้อเพชรกับทางร้าน ผ่านไป 1 ปี เมื่อนำเพชรมาขายนอกจากราคาจะไม่ลดแล้ว ยังมีการให้เปอร์เซ็นต์แถมด้วย ทำให้ผู้เสียหายหลายคนหลงเชื่อ เพราะเป็นเหมือนการลงทุน แถมยังได้เพชรมาใส่เล่นด้วย หรือล่าสุดที่มีโปรโมชั่น เติมเงินเข้าไปในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแลกซื้อเพชร เช่น หากเติมเงินเข้าไปในกระเป๋า 50,000 บาท สามารถแลกซื้อเพชรในราคามูลค่า 700,000 บาทได้
นายไพศาล กล่าวต่อว่า นอกจากผู้เสียหายที่เกิดจากการซื้อเพชร หรือหลงเชื่อกับการเติมเงิน เพื่อแลกซื้อเพชร นั้นยังมีซัพพลายเออร์ผู้จัดหาเพชร ที่กลายเป็นผู้เสียหาย โดยเจ้าของร้านได้ไปซื้อเพชรกับซัพพลายเออร์ โดยอาศัยเครดิต ยังไม่มีการจ่ายเงิน อ้างว่าถ้าได้เงินจากลูกค้าจะนำมาจ่ายให้กับซัพพลายเออร์ แต่กลับพบว่าไม่มีการจ่ายเงินให้แต่อย่างใด จนกระทั้งปิดร้าน และปิดเพจหนีไป ส่วนประเด็นที่พนักงานของร้านถูกลอยแพเช่นเดียวกันนั้น เนื่องจากเดินทางไปทำงานตามปกติ แต่พบว่าร้านปิด และติดต่อเจ้าของไม่ได้ แถมถูกลูกค้าโทรมาทวงถามหาเครื่องเพชรที่ถึงกำหนดส่ง จนเจ้าตัวต้องไปลงบันทึกประจำวันนั้น จากที่ตนสอบถามเชื่อว่าพนักงานไม่มีส่วนรู้เห็นกับทางเจ้าของร้านแต่อย่างใด ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลพบว่าเจ้าของร้านเพชร หลังจากที่ปิดร้านหนีได้ไปลงทุนทำร้านกาแฟ ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี แต่เมื่อส่งผู้ช่วยในทีมตนไปกลับไม่พบเจ้าของร้านแต่อย่างใด ทั้งนี้เชื่อว่า เจ้าของร้านเพชร ยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ เพราะลูกเขายังเรียนอยู่ที่ที่ อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน จึงได้พาผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความเอาผิด นอกจากนี้ยังมีการไลฟ์สด เข้าข่ายการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าพบว่าเข้าข่ายก็จะดำเนินคดีในข้อหานี้ด้วย
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ได้พา น.ส.ชลธิชา หรือ เตย (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี พร้อมผู้เสียหายรายอื่นๆ อีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 กว่าราย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ดลพิษิฐ คำผง รอง สว.กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งดำเนินคดีเจ้าของร้านเพชร ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เช่นเดียวกัน หลังถูกหลอกร่วมลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเพชร ก่อนจะปิดร้านหนีหายไป
นายรัชพล กล่าวว่า ร้านดังกล่าวเปิดทำการมานานกว่า 5 ปี ช่วงแรกมีการไลฟ์สด รีวิว ซื้อขายเพชรทั่วไป ก่อนระยะหลังจะเริ่มมีพฤติกรรมชักชวนคนให้มาร่วมลงทุน หลายรูปแบบ ให้ค่าตอบแทนสูง โดยที่ไม่ทราบว่าเงินทุนเหล่านี้ถูกนำไปทำธุรกิจอะไร ซึ่งที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนจำนวนมาก กระทั่งวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ร้านดังกล่าวกลับปิดร้านหายไปแบบไม่มีสาเหตุ ทำให้ผู้ที่หลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุนเกิดกังวลและเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า ตนติดต่อซื้อขายเพชรกับร้านดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2563 เห็นว่ามีหน้าร้านดูน่าเชื่อถือ ก่อนที่ต่อมาทางร้านจะชักชวนให้ร่วมลงทุนเพชรในหลายรูปแบบ ตามโปรโมชั่นของร้านที่จัดขึ้นมาเพื่อดึงดูดใจ แต่เมื่อลงทุนไปแล้วกลับไม่ได้รับเพชรตามที่มีการโฆษณากล่าวอ้าง ซึ่งในส่วนของตนสูญเงินไปกว่า 4 แสนบาท
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป