MGR Online - ผบ.ตร.ลงพื้นที่ภาคเหนือดูแลการเลือกตั้งล่วงหน้า ใช้กำลังกว่า 1.6 หมื่นนายดูแล สั่งเข้มห้ามมีซื้อสิทธิ์ขายเสียง สั่งกำชับตำรวจวางตัวเป็นกลาง และจัดการจราจรผู้มาใช้สิทธิ เผยยังไม่พบเหตุบ่งชี้ความรุนแรง เตือนห้ามจำหน่ายจ่ายแจกสุรา มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
วันนี้( 6 พ.ค.) เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมติดตามกำชับการดูแลความเรียบร้อยการเลือกตั้งล่วงหน้าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 รอง ผบช., ผบก.ทุกจังหวัดในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 5
ที่ประชุมรายงานการเตรียมความพร้อมการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งล่วงหน้าของตำรวจภูธรภาค 5 ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) ใช้กำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความเรียบร้อยจำนวน 1,638 นาย มีประชาชนลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า 132,956 คน จำนวน 79 หน่วยเลือกตั้ง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ที่มีประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจำนวนมากถึง 66,995 คน รองลงมาคือ เชียงราย 23,783 และ ลำพูน 14,518 ราย
มีจำนวนหน่วยเลือกตั้งที่มีประชาชนลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า 5,000 คน มีทั้งสิ้น 7 แห่ง (เชียงใหม่ 4 เชียงราย 2 ลำพูน 1) โดยเฉพาะจุดศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนม์พรรษา จ.เขียงใหม่ มีประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า 31,220 คน , อาคารหอประชุม อบจ.ลำพูน 13,498 คน , อาคารสายธารธรรม มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ 10,915 คน
สำหรับหน่วยที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเกิน 1,000 คนขึ้นไป ตำรวจ ภ.5 ได้จัดเจ้าหน้าที่จราจร 20 นาย อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาใช้สิทธิ
ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำ จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน เนื่องจากมีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมาก หวั่นการจราจรติดขัด สั่งการให้ดูแลอำนวยความสะดวกเต็มที่
นอกจากนี้ ที่ประชุม รายงานภาพรวม ตำรวจมีความพร้อมในการปฏิบัติ ยังไม่พบเหตุความรุนแรง มีการรายงานการทำลายป้ายหาเสียงห้วง 1 เม.ย.-2 พ.ค. 137 ป้าย กระทำความผิดเกี่ยวกับอาญาช่วงเลือกตั้ง 17 ครั้ง
ส่วนภาพรวมทั่วประเทศใช้กำลังตำรวจทั่วประเทศ 16,140 นาย ดูแลความสงบเรียบร้อย มีประชาชนลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งสิ้น 2,235,830 คน จำนวนหน่วยเลือกตั้ง 3,486 หน่วย สถานที่เลือกตั้งนอกหน่วยทั้งสิ้น 667 แห่ง แบ่งเป็นในเขต กทม. 116 แห่ง ต่างจังหวัด 551 แห่ง มีจำนวนหน่วยเลือกตั้งที่มีประชาชนลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า 5,000 คน มีทั้งสิ้น 128 แห่ง
ผบ.ตร.ได้กำชับ ข้าราชการตำรวจวางตัวเป็นกลาง คอยดูแลอำนวยความสะดวก การจราจรให้ประชาชนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งด้านหน้าหน่วยเลือกตั้ง โดยเฉพาะแห่งที่มีประชาชนมาใช้สิทธิจำนวนมาก ให้ ผกก.หรือ หัวหน้าสถานี ที่มีหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้าในพื้นที่ ให้ออกตรวจตรา อำนวยการจราจร และดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมด้วยตนเอง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เน้นย้ำการป้องกัน การสร้างสถานการณ์ เผาทำลายป้าย ที่ยังต้องเพิ่มความเข้มต่อเนื่อง
สั่งขยายการระดมกวาดล้างอาชญากรรมจากเดิม 4-10 พ.ค. เป็น 4-13 พ.ค. ให้เพิ่มความเข้มการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือกฎหมายอย่างอื่น รวมทั้งจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ระดับสถานี ให้พร้อมปฏิบัติ เข้าระงับเหตุ ตอบโต้ได้ทันทีท่วงที หากได้รับแจ้ง
พร้อมให้ตำรวจประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ในเรื่องมาตรการ ห้ามจำหน่าย จ่าย แจก หรือจัดเลี้ยงสุรา ในการเลือกตั้งล่วงหน้า ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ถึง 18.00 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม 2666 ซึ่งจะเป็นความผิดตามมาตรา 147 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 2561 กำหนดไว้ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ได้ลงมาติดตามกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเลือกตั้งล่วงหน้าในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 8 จังหวัดภาคเหนือ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตำรวจได้เตรียมความพร้อมทุกด้านเป็นอย่างดี ในส่วนภาพรวมทั้งประเทศ ได้มอบ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศลต.ตร.ดูแล ขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ หรือสัญญาณบ่งชี้ความรุนแรง คาดว่าการเลือกตั้งล่วงหน้าจะผ่านพ้นไปด้วยดี เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
"ขอเชิญชวนให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามวัน และเวลา ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด โดยหลีกเลี่ยงการกระทำที่สุ่มเสี่ยง หรือมีความผิดตามกฎหมาย รวมทั้งการห้ามจำหน่ายจ่ายแจกสุราในการเลือกตั้งล่วงหน้า ขอยืนยันว่า ตำรวจมีความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรให้ประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ หากท่านพบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง สามารถแจ้งตำรวจได้ที่สถานีตำรวจนครบาล สถานีตำรวจภูธรทุกแห่ง หรือ โทร.191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ แจ้งสายด่วน กกต. 1444”ผบ.ตร.กล่าวทิ้งท้าย