ปคบ.รวบนายทุนเวียดนาม อ้างชื่อแพทย์ดัง หลอกขายยา-อาหารเสริม

ปคบ.- อย.บุกทลายเครือข่ายนายทุนเวียดนาม อ้างชื่อแพทย์ดัง หลอกขายยารักษาเชื้อรา-อาหารเสริม ยึดของกลางกว่า 60 ล้านบาท

วันนี้ (3 พ.ค.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. พร้อมด้วย ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงจับกุม น.ส.ฟาน เตียว นี่ อายุ 40 ปี สัญชาติเวียดนาม และ น.ส.สุวิมล คำเชิด อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตํารับยา, ขายเครื่องสําอางที่มีฉลากไม่ถูกต้องและมิได้จดแจ้ง และจําหน่ายอาหารโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้องโดยไม่แสดงฉลากเป็นภาษาไทย” พร้อมของกลาง ผลิตภัณฑ์รักษาโรคผิวหนัง และอาหารเสริมหลายร้อยรายการ มูลค่ากว่า 61 ล้านบาท โดยจับกุม น.ส.สุวิมล ได้ที่โกดังสินค้าภายใน ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ส่วนน.ส.ฟาน นั้นได้ติดต่อเชิญตัวเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหา

พล.ต.ต.อนันต์ เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจาก พญ.ณิชา (สงวนนามสกุล) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ศูนย์โรคผิวหนังของโรงพยาบาลกรุงเทพ ว่า พบเพจเฟซบุ๊กชื่อ “โรคผิวหนังในโรงพยาบาล-พญ.ณิชา มีการนําชื่อ-นามสกุลของตน ไปแอบอ้างโฆษณาขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางอย่างแพร่หลาย โดยที่ตนไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องด้วย จากการตรวจสอบยังพบด้วยมีการใช้ชื่อแพทย์ของโรงพยาบาลชื่อดังอีก 3 ท่านด้วย โดยมีการตัดต่อรูปภาพนำมาใช้โฆษณา และสร้างผู้รีวิวการใช้ปลอมขึ้น จนมีผู้หลงเชื่อว่าสามารถใช้รักษาโรคได้แบบครอบจักรวาล
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวต่อว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่แสดงฉลากภาษาไทย, ไม่แสดงเลขสารบบอาหาร และเครื่องสําอางไม่มีการแสดงเลขจดแจ้ง ผู้ที่สั่งซื้อมาใช้แล้วก็ไม่ได้ผลตามที่โฆษณา เจ้าหน้าที่จึงทําการสืบสวนจนทราบสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะมีนายทุนเป็นชาวเวียดนาม ที่คอยรับออเดอร์อยู่ที่เวียดนาม และส่งออเดอร์ให้พนักงานในประเทศไทย จึงนําหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจค้น สถานที่เก็บและบรรจุสินค้าใน ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และโกดังภายในซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ ซ.37 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ

สอบสวน น.ส.สุวิมล ยอมรับว่า ตนเป็นเจ้าของสถานที่ ทําหน้าที่ดูแล และแพ็กสินค้าตามออเดอร์ของนายจ้างชาวเวียดนาม ชื่อ น.ส.แก้ว หรือ Miss TIEU NY ได้ค่าจ้างแค่เดือนละ 15,000 บาท และทํามาแล้วประมาณ 1 ปี จึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป