“รพี” พบกองปราบให้การ-มอบวงจรปิด มัด “แอม ไซยาไนด์” เผย มีญาติเหยื่อในพื้นที่นครปฐม ติดต่อมาอีกสองราย เตรียมประสานเข้าพบ “บิ๊กโ๊จ๊ก” ยันไม่หวั่นถูกทนายแอม ขู่ฟ้องหมิ่นประมาท
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายรพี ชำนาญเรือ แกนนำประชาชนเพื่อประชาชน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ปากคำและมอบหลักฐานสำคัญทางคดี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม วางยาฆ่า น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย โดย นายรพี กล่าวว่า วันนี้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นัดหมายมาให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย ถึงที่มาที่ไป ชนวนเหตุสงสัย ความเชื่อมโยงของแอมกับน้องก้อยว่าตนรับทราบมาได้อย่างไร โดยรายละเอียดสำคัญช่วงก่อนเกิดเหตุว่า ทราบอย่างไรว่า แอมนั่งรถกับก้อย พาก้อยไปปล่อยปลา แล้ววางยาฆ่า ทั้งนี้ คดีน้องก้อยนั้น ก่อนหน้านี้ ตนได้รับการประสานจากญาติน้องก้อย ให้ช่วยตรวจสอบการตาย เนื่องจากเชื่อว่าคดีมีเงื่อนงำ จากนั้นตนก็ได้ลงพื้นที่หาหลักฐานต่างๆ จนได้มามากพอสมควร ทั้งพยานที่ทราบว่าแอมโทรศัพท์นัดก้อย ไปปล่อยปลาที่แม่น้ำแม่กลอง จ.ราชบุรี นอกจากนี้ ตนยังมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุที่แอมนั่งรถไปกับก้อยแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วย
นายรพี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ข่าวที่ออกมาพบว่า มีผู้ตกเป็นเหยื่อแอม 30 รายนั้น ต้องตรวจสอบให้ดีๆ ว่า รู้จักกับแอมจริงไหม เกี่ยวข้องเรื่องยืมเงินทอง หรือร่วมวงแชร์หรือเปล่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แต่ละวันมีผู้แจ้งข้อมูลมาที่ตนเยอะมากๆ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่าไม่ใช่ มีแค่สองเคสใน จ.นครปฐม ที่ มีความเป็นไปได้มาก เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับแอมทั้งเรื่องยืมเงินทองและวงแชร์ สภาพศพตอนตายมีลักษณะกำมือ เหยียดขา เจ้าหน้าที่ชันสูตรเบื้องต้นพบว่ามีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือด ส่วนจะถูกแอมวางยาหรือไม่นั้น ตนได้ประสานให้ญาติมาให้ข้อมูลกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้ง
นายรพี กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ทนายของแอมขู่ว่าจะฟ้องตนนั้น ขอยืนยันว่า ไม่กลัว เพราะการที่ออกมานำเสนอข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณชน ไม่ได้กล่าวหาว่าเขาฆ่า ทั้งนี้ อยากฝากไปถึงกระทรวงสาธาณสุข ว่า ควรต้องมีการตรวจสอบเรื่องความชัดเจนย้อนหลังถึงข้อมูลการเสียชีวิตตั้งแต่ปี 2558 เนื่องจากพบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีแอมไซยาไนด์ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับเรื่องการเสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจล้มเหลว รวมทั้งใบมรณบัตรที่ระบุสาเหตุการตาย ควรจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าจะมีอะไรเชื่อมโยงกับคดีแอมหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เผยถึงความคืบหน้าในคดีนี้ ว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญนายรพี มาสอบปากคำให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาในการรับรู้ข่าวสารของคดี และข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถนำมาประกอบในสำนวนได้ ส่วนในวันพรุ่งนี้ ได้เชิญบุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นคนที่แอม เคยไปปรึกษาถามข้อมูลเกี่ยวกับคนที่มีอาการหัวใจล้มเหลวว่า มีอาการเป็นเช่นไร มาสอบปากคำเพิ่มเติม
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการทำธุรกิจรับจำนำรถของผู้ต้องหาขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลจากข้อมูลที่ทราบว่าผู้ต้องหาได้นำรถของแด้ อดีตสามีหายไป แต่ในส่วนของผู้เสียชีวิตคนอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนจะมีการออกหมายจับหรือมีผู้ที่ร่วมกระทำความผิดเกี่ยวกับการจำนำรถยนต์เพิ่มเติมหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
พ.ต.อ.เอนก กล่าวด้วยว่า ส่วนครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ร้องเรียนเข้ามาในขณะนี้พบว่ามีถึง 18 คน แต่การสืบสวนของตำรวจมีเพียง 14 คน ที่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูลหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่ามีพฤติกรรมที่สามารถเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายได้หรือไม่ ยอมรับว่า ขณะนี้แนวทางการสืบสวนในคดีที่ทำงานร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 แล้วชุดสืบสวนของ พล.ต.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เป็นไปในทิศทางที่ดี และคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง