ตร.ตรวจสอบบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 ปี พบรายชื่อคนโอนเงินให้“แอม ไซยาไนด์” ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนตายแล้ว 20 ศพ หัวใสเลี่ยงโทร.มือถือป้องกันการตรวจสอบ
วันนี้ (29 เม.ย.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ วางยาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย เท้าแชร์ ว่า คดีคืบหน้าไปมาก พยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่แน่นหนาพอสมควร เชื่อว่าสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ ขณะที่การสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ วันนี้พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ได้เชิญตัว นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อในคดีดังกล่าวมาเข้าให้ปากคำในฐานะพยานเพื่อซักถามรายละเอียดบางประเด็นเพิ่มเติมประกอบสำนวน
รอง ผบก.ป.กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำพยานบุคคลสำคัญอีกรายหนึ่ง คือ น.ส.นก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลของโรงพยาบาลตากสิน ถือเป็นพยานบุคคลสำคัญอีกราย เนื่องจาก น.ส.นก จัดอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทของ นางสรารัตน์ เช่นเดียวกับ น.ส.จอย พยานที่เคยให้การไปก่อนหน้านี้ หลังแนวทางสืบสวนพบว่า น.ส.นก เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ นางสรารัตน์ มักติดต่อไปหาเพื่อพูดคุยปรึกษาเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต ทั้งนี้ การเชิญตัว น.ส.นก มาให้ปากคำ เป็นการมาในฐานะพยาน เพื่อสอบถามประเด็นข้อสงสัยพฤติกรรมโดยรวมของนางสรารัตน์ รวมไปถึงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มวงแชร์ ต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจับกุมตัว นางสรารัตน์ เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังคงร่วมกันสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาพยานหลักฐานความเชื่อมโยงของแต่ละคดีที่นางสรารัตน์ เข้าไปมีส่วนพัวพัน หรือเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตปริศนาของเหยื่อทั้ง 13 ราย และ เหยื่อที่ถูกวางยาแต่รอดชีวิตมาได้อีก 1 ราย จนกระทั่งเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา ได้พบเบาะแสสำคัญทำให้เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดน่าจะมียอดตัวเลขมากกว่า 13 รายในปัจจุบัน
เนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ นางสรารัตน์ อย่างละเอียด ตลอดห้วงระยะเวลา 3 ปี หรือ ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน พบความผิดปกติหลายอย่าง อาทิ มีบุคคลจำนวนมากโอนเงินเข้ามายังบัญชีธนาคารของ นางสรารัตน์ ตั้งแต่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งจุดที่ทำให้เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเกี่ยวกับความผิดปกติดังกล่าว คือ บุคคลที่ปรากฏรายชื่อว่าเคยโอนเงินให้นางสรารัตน์ เหล่านี้จำนวนประมาณ 18-20 คน ได้เสียชีวิตลงหลังจากที่มีการโอนเงินให้ นางสรารัตน์ ได้ไม่นาน ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งบุคคลที่เคยปรากฏรายชื่อผู้เสียชีวิตตามสื่อต่างๆ ก่อนหน้านี้ และ บุคคลที่ยังไม่เคยปรากฏรายชื่อ หรือข้อมูลใดๆ ตามสื่อมาก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าผู้เสียชีวิตรายใหม่ประมาณ 5-7 รายที่เพิ่งตรวจพบเจอเหล่านี้เสียชีวิตด้วยสาเหตุใด และ มีนางสรารัตน์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
จากแนวทางสืบสวน พบว่า หลังจากลงมือฆ่าเหยื่อจนเสียชีวิตแล้วสิ่งแรกที่ นางสรารัตน์ มักจะลงมือทำคือการทำลายหลักฐานอำพรางคดีเพื่อให้ยากต่อการแกะรอย สอดคล้องกับพยานวัตถุ โทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ที่ตรวจยึดได้จากนางสรารัตน์ นอกจากนี้ ยังพบว่า นางสรารัตน์ มักเลี่ยงที่จะติดต่อสื่อสารกับเหยื่อผ่านสัญญาณโทรศัพท์โดยตรง แต่จะใช้การโทร. หรือแชตสนทนา ผ่านแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์เป็นข่องทางหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จากพยานวัตถุ ประจักษ์พยาน หลักฐานต่างๆ รวมไปถึงพยานแวดล้อมที่บอกเล่าพฤติกรรมผู้ต้องหา มูลเหตุแรงจูงใจต่างๆ ที่ปรากฎขึ้นนั้น ล้วนสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อรูปคดีช่วยเพิ่มน้ำหนักให้สามารถเรียงร้อยเรื่องราวแต่ละคดีเชื่อมโยงถึงกันได้เป็นอย่างดี