ผบช.สอท.เปิดปฏิบัติการ "Shutdown Fake Loan" ปิดล้อม 4 จุด จับกุมเครือข่ายชาวจีนปล่อยเงินกู้ออนไลน์ คาเพนต์เฮาส์ย่านสุขุมวิท ใช้ภาพคนดังตัดต่อไปหลอกลวงเหยื่อ
วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 เม.ย.) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. นำกำลังปิดล้อมตรวจค้น 4 จุดใน 2 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร และ จ.สระแก้ว ตามปฏิบัติการ "Shutdown Fake Loan" ทลายเครือข่ายแก๊งเงินกู้ทิพย์ออนไลน์
โดยจุดสำคัญคือ การนำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นห้องเพนต์เฮาส์ ชั้น 34 มูลค่า 63 ล้านบาท ภายในคอนโดหรูใจกลางกรุงย่านสุขุมวิท หลังสืบทราบว่าห้องพักดังกล่าวเป็นที่พักของกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีน ทั้งนี้ ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นหรูหรามี 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ จากการตรวจสอบพบสามีภรรยาชาวจีนและลูกชาย รวม 3 คน และแม่บ้านชาวเมียนมา 1 คน
นอกจากนี้ พบสุราต่างประเทศหลายยี่ห้อ อาทิ Hennessy Paradis จำนวน 11 ขวด Hennessy XO จำนวน 6 ขวด Moutai 15 ขวด และตู้เชฟ 1 ใบ ภายในพบเอกสารครอบครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดระบุชื่อ นายหมิง ซิน ซู อายุ 37 ปี ชาวกัมพูชา
จากการสอบถามแม่บ้าน ซึ่งเป็นผู้ดูแล ให้การว่า ห้องชุดนี้เป็นของ นายหมิง และนายหมิงได้จ้างให้ตนมาดูแลเท่านั้น ส่วนสามีภรรยาชาวจีนให้การเพียงว่า เช่าห้องดังกล่าวผ่านนายหมิง แต่เพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติการเดินทางของสามีภรรยาและลูก พบว่ามีการเดินทางจากประเทศจีน เพื่อมาที่ประเทศกัมพูชา ก่อนที่จะเดินทางมาที่ประเทศไทย และอยู่ในไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือ โอเวอร์สเตย์ 30 วัน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายและขึ้นแบล๊กลิสต์ห้ามเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ ในจุดอื่นๆ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมยึดของกลางหลายรายการ อาทิ สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ยาเสพติด เป็นต้น อย่างไรก็ตามปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้มีผู้เสียหายกว่า 200 ราย รวมตัวร้องเรียนกับตำรวจ บช.สอท.ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้กู้เงินจากการได้รับข้อความเอสเอ็มเอส ในลักษณะชวนเชื่อให้วงเงินสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเงินเร็ว และใช้เอกสารน้อย
จากนั้น จะให้แอดไลน์ติดตั้งแอพพลิเคชั่นเงินกู้ของมิจฉาชีพ มีการอ้างว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินที่ขอกู้ยืมจริง แต่ต่อมามีเงื่อนไขต่างๆ เช่น ต้องโอนเงินมัดจำก่อน ต้องทำกรมธรรม์คุ้มครองวงเงิน ต้องจ่ายค่างวดล่วงหน้าหรือแจ้งว่ามีการกรอกเลขบัญชีธนาคารผิด ต้องจ่ายเงินเป็นค่าเครดิต เป็นค่ารหัสผ่านในการถอนเงิน เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปแล้วแต่กลับไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กลุ่มคนร้ายยังได้มีการนำคลิปในโซเชียลของ นายอนุวัต เฟื่องทองแดง ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เจ้าของสโลแกน "อนุวัต จัดให้" พร้อมทนายรณณรงค์ ไปตัดต่อหลอกให้ประชาชนกู้เงิน เสียหายตั้งแต่นับแสนยันกว่า 1 ล้านบาทด้วย
หลังรับแจ้งตำรวจได้ทำการสืบสวนจนพบความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีลักษณะการทำเป็นขบวนการโดยมีนายหมิง ซิน ซู เป็นหัวหน้าขบวนการ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา 52 ราย เป็นคนไทย 51 ราย คนจีน 1 ราย ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
มีรายงานว่า พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 จะแถลงข่าวความคืบหน้าผลการปฏิบัติในเวลา 15.00 น. ที่ บก.สอท.1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ต่อไป