กองปราบประสาน "ปลา" เหยื่อผู้รอดชีวิต พร้อมพี่สาว"ก้อย"เท้าแชร์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษ สอบปากคำประกอบสำนวนคดีมัดตัว "แอม" มือวางไซยาไนด์ เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม โทษหนักถึงประหารชีวิต มั่นใจพยานหลักฐานแน่นหนาพอเอาผิด
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ วางยาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย เท้าแชร์ อายุ 33 ปี ว่า ในวันนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. เร่งติดต่อประสานไปยัง นางกานติมา แพสอาด หรือ ปลา อายุ 36 ปี เหยื่อผู้รอดชีวิต ,น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์ หรือ ส้ม อายุ 35 ปี พี่สาวของ น.ส.ศิริพร ผู้ตาย และ นายรพี ชำนาญเรือ แกนนำประชาชนเพื่อประชาชน ผู้ที่พาครอบครัวผู้ตายมาแจ้งความ มาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบ ในฐานะพยานเพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงและซักถามเกี่ยวกับพฤติกรรมแวดล้อมต่างๆ
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้พนักงานสอบอีกชุดหนึ่งลงพื้นที่สอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารพิษและสารเคมี เพื่อหารายละเอียดเกี่ยวกับความอันตรายของสารไซยาไนด์ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับจำนวนปริมาณของสารไซยาไนด์ ที่จะส่งผลให้เกิดอันตรายกับร่างกายจนเสียชีวิต เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีควบคู่พยานหลักฐานผลตรวจสารพิษที่พบในร่างกายของผู้ตาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้สำนวนคดีมีความแน่นหนาสามารถมัดตัวผู้กระทำผิดได้
รอง ผบก.ป.กล่าวด้วยว่า คดีนี้มั่นใจว่ามีพยานหลักฐานแน่นหนามากพอที่จะเอาผิด นางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาได้ และ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนเองก็เตรียมที่จะพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในลักษณะของ อนุข้อกล่าวหา จากเดิมที่เป็น ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง” เพิ่มเป็น “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์” ซึ่งข้อหาทั้งหมดที่ว่านี้ล้วนมีโทษหนักถึงประหารชีวิต