รอง ผบ.ตร.สอบปากคำเหยื่อผู้รอดชีวิต คดี“แอม ไซยาไนด์” เผย ผู้ต้องหามีพี่สาวเป็นเภสัชกร ล่าสุด สั่งอายัดศพ “ก้อย” ไว้ที่นิติเวชตำรวจ เพื่อรวบรวมหลักฐานทางคดี
จากกรณี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญา ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยตำรวจระบุว่า จากการไล่เรียงเหตุการณ์ พบว่า คดีนี้ลักษณะคล้ายกัน 12 คดี มีผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย จากแนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นางสรารัตน์ น่าจะเป็นผู้นำไซยาไนด์ (Cyanide) ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ผสมใส่อาหารให้ผู้ตายรับประทาน เพื่อหวังลักทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ของผู้ตายตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังสอบปากคำนางกานติมา ผู้รอดชีวิต ภรรยารองผู้กำกับ ตชด. ในจังหวัดกาญจนบุรี นานกว่า 2 ชม. ว่า นางกานติมา รู้จักกับ นางสรารัตน์ เพราะต่างเป็นภรรยาของรองผู้กำกับ ซึ่งสามีของนางกานติมา เป็นเพื่อนรุ่นเดียว นรต.60 กับอดีตสามีของนางสรารัตน์ ในช่วงเกิดเหตุ เดือนกันยายน 2565 ติดโควิด และมีอาการไออย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ นางสรารัตน์ ได้ขอยืมเงินจำนวน 250,000 บาท ตนเองก็ให้ไป โดยในวันเกิดเหตุ นางสรารัตน์ โทรศัพท์มาชักชวนให้ไปรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดกาญจนบุรี มีอาการไอและหอบเหนื่อย นางสรารัตน์ จึงส่งยาอ้างว่าเป็นยาที่ได้จากร้านขายยาของพี่สาวเป็นเภสัชกรอยู่ที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และอ้างว่า เป็นยาสมุนไพรต้านโควิดให้ตนเองกิน ตอนนั้นจึงรับยามากิน เพราะเกิดความไว้ใจ เนื่องจากมองว่า นางสรารัตน์ เป็นเพื่อน แต่หลังจากกินยาเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายและขับรถ เพื่อไปพบกันที่ห้างสรรพสินค้า ตนเองก็มีอาการแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออก มือชา จึงโทรศัพท์ไปหานางสรารัตน์ ให้มาช่วย แต่ นางสรารัตน์ บอกว่า หลงทางอยู่ ไม่สามารถที่จะมาช่วยได้ ตนเองจึงโทรศัพท์ไปที่สายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งรถฉุกเฉินได้มารับด้วยความรวดเร็ว จึงได้ลงจากรถ และขึ้นรถฉุกเฉิน หลังจากนั้น ก็สลบไป และหัวใจหยุดเต้นทันที เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้ทำการ CPR จนสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ ณ เวลานั้น
ทั้งนี้ ยอมรับว่า รู้สึกลังเลเพราะไม่คิดว่า นางสรารัตน์ จะกล้าวางยา เพราะความเป็นเพื่อน จึงคิดไปว่า ตัวเองน่าจะแพ้ตัวยาตัวใดตัวหนึ่งในยาแก้ไอ ซึ่งเป็นยาสมุนไพรที่นางสรารัตน์ ให้รับประทาน ยอมรับว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ร่างกายของตนเองไม่เหมือนเดิม แต่หลังจากคดีของนางสาวก้อย เป็นข่าวขึ้นมา และพฤติการณ์เหมือนกับกรณีของตนเอง จึงทำให้ค่อนข้างเชื่อมั่นว่า น่าจะถูก นางสรารัตน์ วางยา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า จากการสอบประวัติเบื้องต้น นางสรารัตน์ มีพี่สาวอยู่ในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งขณะนี้ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดราชบุรี เข้าค้นและหาหลักฐาน ว่า พี่สาวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ที่เป็นบ้านพักของนางสรารัตน์ ที่จังหวัดนครปฐม อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลว่าเจอหลักฐานอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้มีการอายัดศพของ น.ส.ศิริพร ขันธ์วง หรือ ก้อย ไว้แล้ว เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี แต่หลังจากเก็บพยานหลักฐานแล้ว จะส่งคืนให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งขณะนี้ศพของผู้เสียชีวิต อยู่ที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ