ตำรวจสืบสวนนครบาล จับหนุ่มวัย 37 ปี หลอกขายรถยนต์ผ่านเฟซบุ๊ก เหยื่อหลายรายหลงเชื่อโอนเงิน เสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
วันนี้ (26 เม.ย.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้า PCT ชุดที่ 5 เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ให้ปราบปรามคนร้ายที่ก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะอาชญากรรมทางออนไลน์ อีกทั้งทางเพจเฟซบุ๊ก “สืบสวนนครบาล” ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ให้ติดตามคนร้ายหลอกขายรถยนต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยมีบัญชีเฟซบุ๊กกว่า 10 บัญชี และมีบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินจากลูกค้าอีกจำนวนมาก ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ครั้ง และมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท บางวันได้เงินหลายพันบาท บางเดือนได้เป็นแสนบาท มีหมายจับจำนวน 8 หมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ประกอบอาชีพ หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกไปข้างนอกหาเงินจากการหลอกลวงอย่างเดียว
โดยเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT 5 ได้ร่วมกันจับกุมนายเชาวลิตร สว่างศรี อายุ 37 ปี เลขที่ 160/1 หมู่ที่ 9 ตำบลบางขันหมาก อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกงประชาชน ทุจริตโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน โดยจับกุมได้ที่บริเวณใต้ อาคารเอ เดอะแมทตริกซ์ คอนโดมิเนียม นครปฐม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องมี 8 หมายจับ ได้แก่ 1. ศาลอาญา ที่ 2217/2565 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ทุจริตโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน
2. หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 635/2565 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
3. หมายจับศาลจังหวัดระยอง ที่ 63/2565 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
4. หมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 370/2565 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นเท็จซึ่งอาจเกิดความเสียหายกับประชาชน
5. หมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 125/2564 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
6. หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสงคราม ที่ 54/2564 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
7. หมายจับศาลแขวงดอนเมือง ที่ 21/2563 ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง
8. หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 625/2558 ลงวันที่ 1 กันยายน 2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานฉ้อโกง
โดยพฤติการณ์จับกุมสืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล ได้ร่วมกันสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายซึ่งมีพฤติการณ์หลอกขายรถยนต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยคนร้ายมีบัญชีเฟซบุ๊กกว่า 10 บัญชี และมีบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินจากลูกค้าอีกกว่า 10 บัญชี แต่ได้โดนอายัดไปแล้ว มีเงินคงค้างในบัญชีอยู่ กว่าสองแสนบาท โดยวิธีการก่อเหตุ จะนำรูปรถยนต์จากสื่อต่างๆ มาโพสต์ขายบนเฟซบุ๊กที่ได้สร้างขึ้นมา ในราคา ไม่เกินคันละ 100,000 บาท และจะให้ผู้เสียหายโอนค่ามัดจำ เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท โดยจะตั้งราคารถเท่าไหร่ก็จะให้โอนเงินมัดจำไม่น้อยกว่า 5,000 บาท แต่หากว่า ผู้เสียหาย มีความลังเลหรือ บ่ายเบี่ยง โอนช้าก็จะลดค่าเงินมัดจำให้กับลูกค้า เหลือ 3,000 บาท โดย มีพฤติการณ์ ก่อเหตุตั้งแต่ ปี 2558 ถึง ปัจจุบัน ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ครั้ง และมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท บางวันได้เงินหลายพันบาท บางเดือนได้เป็นแสนบาทแล้ว แล้วแต่มีผู้เสียหายติดต่อโอนมา
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า วิธีการหลอกจะใช้รูปและชื่อจริงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยวิธีการจะเข้าไปดูโปรไฟล์ของผู้เสียหายว่าอยู่ที่จังหวัดอะไร เช่น อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ก็จะแจ้งว่ารถอยู่ภาคเหนือ เพื่อหลีกเลี่ยงการที่ผู้เสียหายจะขอดูรถ และเมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้แล้ว ก็จะไม่มีการปิดเฟซบุ๊กหนี เพราะเกรงว่าผู้เสียหายจะโมโหและแจ้งความทันที แต่จะใช้เวลาในการยื้อเวลากับผู้เสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายไม่คิดแจ้งความ แต่หากผู้เสียหายคนไหน พิจารณาแล้ว เป็นผู้เสียหายที่เอาจริงในเรื่องการดำเนินคดี ก็จะคืนเงินให้ แต่จะไม่คืนให้ทั้งหมด เช่น โอนมา 10,000 บาท ก็จะคืน 5,000 บาท เพื่อลดอารมณ์ของผู้เสียหาย โดยรถยนต์ที่ นายเชาวลิตร หลอกขายส่วนใหญ่จะเป็นรถหลุดจำนำ และเฟอร์นิเจอร์ และที่ทำบ่อยที่สุดคือรถยนต์ จำพวกรถโฟร์วีล เนื่องจากเป็นรถหายากมีผู้ต้องการเยอะ ทำให้หลอกผู้เสียหายได้มาก จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป