ปอศ.เอาจริงดำเนินคดีบริษัท
ฝ่าฝืนโฆษณาเสนอขายหุ้นทางเฟซบุ๊ก อ้างให้ผลตอบเเทนเกินจริง พบช่วงนี้ระบาดหนักสร้างความเสียหายนับร้อยล้านบาท
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) น.ส.ภิญญาพัชร์ (สงวนนามสกุล) กรรมการบริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง เินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ.พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ.เพื่อรับทราบข้อหา “โฆษณาชวนเข้าชื่อซื้อหุ้นของบริษัทจำกัดโดยกระทำเป็นการทั่วไปหรือกระทำต่อบุคคลเป็นวงกว้าง” อันฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 34 ประกอบมาตรา 268 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจ บก.ปอศ. ได้รับแจ้งว่าบริษัทดังกล่าวและบริษัทในเครือตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม.ได้โฆษณาเสนอขายหุ้นของบริษัทผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเอนเตอร์เทนเมนท์ คลินิกเสริมความงาม สปา และธุรกิจอีกหลายประเภท ซึ่งการเข้าชื่อซื้อหุ้นมีลักษณะเป็นการตกลงจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนเป็นรายเดือนจนกว่าจะครบกำหนดตามสัญญา ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดดังกล่าว จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงให้ พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ.เเจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน การก่ออาชญากรรมเกี่ยวกับการหลอกลวงประชาชนให้ลงทุน โดยอ้างผลตอบแทนที่สูงเกินจริง มีสถิติเพิ่มขึ้นสูงมาก และมักจะอ้างการประกอบธุรกิจ การจดทะเบียนนิติบุคคล รวมไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ให้น่าเชื่อถือ เพื่อจูงใจให้ประชาชนร่วมลงทุน และรับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งเมื่อผ่านไปในระยะเวลาหนึ่งแล้ว บริษัทฯ เหล่านี้มักจะปิดตัวลง ไม่สามารถให้ผลตอบแทน หรือติดต่อกับบุคคลใดได้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนเป็นวงกว้าง ยกตัวอย่างกรณี บริษัทฟาร์มเห็ด หรือ บริษัทเหมืองขุดสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อ้างการประกอบธุรกิจ รวมถึงการจดทะเบียนนิติบุคคลให้น่าเชื่อถือ โดยพบว่ามีประชาชนหลงเชื่อนำเงินมาลงทุนเป็นจำนวนมาก ก่อนจะถูกเชิดเงินหนี จนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ารวมหลายร้อยล้านบาท
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวด้วยว่า ขอฝากเตือนประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุนซื้อขายหุ้นของบริษัทจำกัด เนื่องจากอาจจะมีสภาพคล่องที่น้อย และมีข้อจำกัดทางกฎหมายในการซื้อขายหุ้นที่ไม่สามารถเสนอขายเป็นการทั่วไปได้ การโฆษณาซื้อขายหุ้นของบริษัทจึงอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในขบวนการอาชญากรรม และประชาชนผู้ลงทุนอาจถูกหลอกให้สูญเสียทรัพย์สินได้