MGR Online - “ทนายอั๋น” เตรียมยื่นเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม 26 เม.ย. หลัง “ดีเอสไอ” รับคำร้องสอบ 'ทนายตั้ม' พบมีสถานะการเงินไม่สอดคล้องกับรายรับ
สืบเนื่องจากกรณี นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ "คนรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยบริสุทธิ์" เข้ายื่นหนังสือร้อง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ตรวจสอบสถานะทางการเงินของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ในประเด็นสถานะการเงิน เรื่องภาษีที่ไม่สอดคล้องกับรายรับ ล่าสุดทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งหนังสือตอบรับที่ ยธ. 0816/575 รับคำร้องดังกล่าวเพื่อพิจารณาในขั้นตอนถัดไปนั้น
วันนี้ (24 เม.ย.) แหล่งข่าวระดับสูงภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า จากหนังสือเลขที่ ยธ. 0816/575 เป็นการแจ้งว่าได้ส่งเรื่องไปยังกองคดีภาษีอากรที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งประเด็นที่ทนายอั๋นร้องมาคราวนั้นเกี่ยวกับเรื่องภาษีของทนายษิทรา โดยตั้งข้อสงสัยในลักษณะที่ทนายษิทรามีชีวิตความเป็นอยู่ไม่สอดคล้องกับรายรับ นอกจากนี้ ทางกองคดีภาษีอากรก็อาจจะมีการเชิญให้ทนายอั๋นเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนจะมีการรับเป็นคดีพิเศษหรือจะมีการสอบสวนในเรื่องนี้หรือไม่ ต้องเรียนเเจ้งว่าปกติแล้วกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรจะมีลักษณะพิเศษ โดยจะมีประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 8 ปี พ.ศ.2522 กำหนดไว้ว่าห้ามเจ้าพนักงานอื่นดำเนินคดีเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากร จนกว่าจะได้รับคำกล่าวโทษจากกรมสรรพากร ดังนั้น หากข้อมูลที่ทนายอั๋นมอบให้มีความชัดเจน เข้าองค์ประกอบ ทางดีเอสไอก็จะต้องไปหารือกับกรมสรรพากร
เจ้าหน้าที่ดีเอสไอระดับสูง กล่าวด้วยว่า หากจะมีการรับหรือไม่รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ ดีเอสไอก็จะต้องรอดูพยานหลักฐานของทางทนายอั๋นที่จะนำมามอบให้เพิ่มเติม เพื่อนำไปตรวจสอบตามเกณฑ์และประกาศกำหนดลักษณะคดีแบบใด อย่างไรก็ตาม แม้ดีเอสไอมีอำนาจในชั้นสืบสวน แต่ในการดำเนินคดีนั้น ตามกฎหมายจะต้องให้กรมสรรพากรเป็นผู้กล่าวโทษเท่านั้น จึงเป็นข้อยกเว้นแค่คดีภาษีอากรที่มีกฎหมายพิเศษกำหนดให้บุคคลใดก็ตามที่จะกล่าวโทษในคดีอาญา หรือให้สอบสวนดำเนินคดีอาญา จะต้องมาจากกรมสรรพากร เพราะกรมสรรพากรมีอำนาจอื่น เช่น อำนาจในการเรียกมาเปรียบเทียบโดยไม่ต้องดำเนินคดี การดำเนินคดีเป็นเงื่อนไขสุดท้าย เป็นต้น
ด้าน ทนายอั๋น เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ เวลาประมาณ 10.30 น. เตรียมเข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติม (หลักฐานใหม่) กับดีเอสไอ ในประเด็นเกี่ยวกับทนายตั้ม และจะหารือถึงแนวทางการดำเนินการของดีเอสไอ เนื่องจากสิ่งที่เป็นห่วงในตอนนี้คือตามที่มีปรากฏในกระแสข่าวว่าทนายคนดังอาจจะมีการโยกย้ายทรัพย์สินหรือจะเดินทางกลับเมืองไทยหรือไม่ ว่า ดีเอสไอจะมีมาตรการอย่างไรเพื่อให้สิ่งที่ตนยื่นเรื่องตรวจสอบไปมีความรวดเร็ว และถ้าหากทนายคนดังมีความผิดจริง ดีเอสไอจะอายัดทรัพย์สินทันหรือไม่
ทนายอั๋น ยังเผยด้วยว่า ก่อนที่ตนจะไปยื่นเรื่องให้กับดีเอสไอนั้น ทางด้านนายชูวิทย์ได้เคยโทรศัพท์มาให้กำลังใจ เนื่องจากในขณะนั้นตนได้ออกมาพูดเรื่องการเก็บเงินค่าแถลงข่าวของทนายตั้มจำนวน 300,000 บาท ซึ่งตนมองว่าผิดจรรยาบรรณทนาย โดยนายชูวิทย์ ได้บอกกับตนว่า ตนเป็นทนายความที่มีเกียรติ เป็นทนายความน้ำดี แต่เป็นเพียงการพูดคุยสั้นๆเท่านั้น ไม่ได้มีการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกันแต่อย่างใด