ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “เสี่ยโอภาส เตาปูน” นายหน้าจ้างคนมาดาวน์รถ จยย.ให้ ก่อนนำมาซุกซ่อน รอส่งออกประเทศเพื่อนบ้าน
วันนี้ (21 เม.ย.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. และ เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. นำกำลังสืบสวนจับกุม นายโอภาส บัวใหญ่ หรือ เสี่ยโอภาส เตาปูน อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ต้องหาโดยกล่าวหาว่า เป็นบุคคลใดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยประการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางให้กู้ยืมเงิน ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยจับกุมได้ที่ห้องพักไม่มีเลขที่ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลางรถ จยย. 27 คัน
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัญหาการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่พยายามหาช่องทางและกลอุบายในการกระทำความผิด ทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่สุจริตได้รับความเดือดร้อน จึงวางแนวทางการป้องกันและปราบปราม พร้อมสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น.สืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่อง โดย พ.ต.อ.วิชิต สืบสวนลงพื้นที่และแกะรอยอย่างต่อเนื่องกว่า 2 เดือน จนทราบตัวผู้กระทำความผิดโดยนายโอภาส เป็นนายหน้ารับซื้อรถ จยย.ซึ่งจะชักชวนกลุ่มบุคคลต่างๆ ไปดาวน์รถ จยย.ตามร้านขายในพื้นที่ กทม.และให้นำรถ จยย.มามอบให้โดยให้ผลตอบแทนคันละ 30,000-50,000 บาท ตามประเภทของรถ ซึ่งรถ จยย.ที่นำมาให้นั้นติดสัญญาซื้อ-ขายกับบริษัทไฟแนนซ์ จากนั้นนายโอภาส จะนำรถ จยย.ไปขายประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล จึงสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายค้นศาลอาญาเข้าค้นบริเวณห้องพักไม่มีเลขที่ เขตบางซื่อ กทม.ซึ่งเป็นที่ใช้ซุกซ่อนรถ จยย.เพื่อรอส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านผลตรวจค้นพบรถ จยย.ซุกซ่อนอยู่ในห้องพักดังกล่าว 15 คัน และขยายผลเพิ่มเติมได้อีก 12 คัน รวมทั้งสิ้น 27 คัน
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวอีกว่า ในชั้นจับกุมนายโอภาส ให้การภาคเสธ โดยขอรับสารภาพว่ารับจำนำรถจักรยานยนต์ ซึ่งติดสัญญาซื้อขายกับบริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ เพียงเท่านั้น โดยจะให้เงิน 10,000-20,000 บาท ซึ่งจะให้ผู้ที่จำนำชำระเงินร้อยละ 10 ต่อเดือน โดยให้ชำระจนกว่าจะนำเงินต้นมาคืนให้ ส่วนเรื่องการจ้างดาวน์รถนั้น ไม่ทราบและไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงนำตัวนายโอภาส ส่งพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้มีการหาช่องทางและกลอุบายในการกระทำความผิดในรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการที่ประกอบอาชีพอย่างสุจริตได้รับความเดือดร้อน รวมถึงประชาชนที่ไม่ได้ทราบถึงการกระทำของตนตกเป็นเหยื่อเพียงเพราะต้องการทรัพย์สิน โดยทางเราจะเร่งดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมทั้งขบวนการ พร้อมทั้งขอแจ้งเป็นข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบว่า การกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสามารถถูกบริษัทไฟแนนซ์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แจ้งความในคดรยักยอกทรัพย์ได้