พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์ชี้แจงกรณี ตำรวจไซเบอร์ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ในห้วงก่อนสงกรานต์ ทำการจับกุมผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ดังนี้
ตามที่ในช่วงวันที่ 13-17 เม.ย. 66 เป็นห้วงหยุดยาววันสงกรานต์ คาดว่า จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับนโยบายด้านการส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศนั้น นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว มิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสในช่วงเวลาดังกล่าวเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเร่งรัดปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมไปถึงการสร้างการรับรู้ให้กับภาคประชาชนเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์
โดยในช่วงระหว่างวันที่ 29 มี.ค.- 9 เม.ย. 66 บช.สอท. ได้มีการกำหนดเป้าหมายระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไป ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน การสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ เป็นต้น และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แก่ การหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์ การเผยแพร่ข่าวปลอม คดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรี การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งนี้ สามารถทำการจับกุมผู้กระทำความผิดได้กว่า 296 คดี ผู้ต้องหากว่า 318 ราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก มีคดีสำคัญและน่าสนใจ เช่น ปฏิบัติการเหนือเมฆ ตรวจค้น 17 จุด ทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายเว็บไซต์เงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท, จับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงให้เช่าบูชาพระเครื่องในกลุ่มต่างๆ กว่า 60 กลุ่ม, จับกุมผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ รวมถึงจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าอีกหลายคดี เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว บช.สอท. ยังได้วางมาตรการป้องกัน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงกลโกง หรือแผนประทุษกรรมของมิจฉาชีพ ผ่านทางจอภาพในพื้นที่ต่างๆ หรือผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกด้วย
โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยใช้บริการขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการโดยสารเครื่องบิน รถโดยสารประจำทาง หรือรถไฟ พึงระมัดระวังการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่มักให้สิทธิพิเศษต่างๆ นำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สิน ควรตรวสอบให้ดีเสียก่อนทั้งนี้วันสงกรานต์ถือเป็นประเพณีที่สำคัญ ทำให้ผู้ที่ทำงานอยู่ต่างพื้นที่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา กลับมาใช้เวลาร่วมกันทำกิจกรรมกับครอบครัว จึงขอฝากไปยังประชาชน หรือลูกหลานที่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนา ช่วยกันประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนญาติ พี่น้อง ผู้ปกครอง และบุคคลใกล้ชิด ให้ทราบถึงกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ ทราบถึงวิธีการ หรือรูปแบบของอาชญากรไซเบอร์ รวมไปถึงแนวทางการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นภัยจากมิจฉาชีพแก็งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน หรือภัยจากการซื้อสินค้าออนไลน์ หรือภัยจากการหลอกลวงโอนเงินเพื่อหารายได้จากการทำงานออนไลน์ หรือภัยจากการหลอกลวงให้กู้เงิน หรือภัยหลอกลวงชักชวนให้ลงทุน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประชาชนสามารถสอบถาม ติดตามข้อมูลข่าวสาร การเตือนภัยในลักษณะต่างๆ ผ่านได้ในหลากหลายช่องทาง ได้แก่ สายด่วนตำรวจไซเบอร์ หมายเลข 1441 หรือ 081-866-3000 เพจเฟซบุ๊กตำรวจไซเบอร์ “CybercopTH” เพจเฟซบุ๊ก “เตือนภัยออนไลน์” เว็บไซต์ตำรวจไซเบอร์ เว็บไซต์คณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี https://24hicarecenter.com/cybervaccinated และไลน์ตำรวจไซเบอร์ @police1441