รอง ผบ.ตร.แถลงปิดคดีดาบตำรวจ สภ.ปากเกร็ดขโมยปืนหลวง 160 กระบอก ดำเนินคดีผู้ต้องหา 23 คน ตามหาปืนที่เหลืออีก 96 กระบอก
วันนี้ (5 เม.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงข่าวปิดคดีกรณีเมื่อวันที่ 20 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับ ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากเกร็ด ซึ่งทำหน้าที่ตรวจเก็บและดูแลรักษาอาวุธปืนหลวงในคลังของ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยดำเนินคดีในกรณีที่ตรวจพบว่า ด.ต.เชาวลิต ได้มีการลักเอาอาวุธปืนในคลังดังกล่าวจำนวนมากถึง 160 กระบอก นำไปจำหน่ายให้กับบุคคลอื่น โดยดำเนินคดีฐาน ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตฯ
โดยคดีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับซื้ออาวุธปืนหลวงดังกล่าว นำมาดำเนินคดีทั้งหมด รวมทั้งติดตามนำอาวุธปืนกลับคืนมาให้ได้ และได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ตร.ที่ 505 และ 567/2565 โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้ควบคุม กำกับดูแลการสืบสวนสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภัทร ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 และพล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 ดำเนินการขยายผลติดตามอาวุธปืนที่ถูกลักไปกลับคืนมาโดยเร็ว
จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ สามารถรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ในการรับจำนำจาก ด.ต.เชาวลิต ได้จำนวนทั้งสิ้น 23 ราย โดยแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย ออกหมายจับแล้ว 22 ราย จับกุมได้ 18 ราย อายัดตัว 4 ราย โดยทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหา รับของโจร
ในส่วนของอาวุธปืนหลวงที่ถูกลักไปนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นหาพยานหลักฐานและติดตามอาวุธปืนหลวงซึ่งหายไปจำนวนทั้งสิ้น 160 กระบอก สามารถติดตามคืนมาได้แล้วจำนวน 64 กระบอก ที่เหลืออีก 96 กระบอก อยู่ระหว่างติดตามค้นหาต่อไป สำนวนคดีนี้ประกอบด้วยเอกสารมากกว่า 2,200 แผ่น สอบปากคำพยาน 30 ปาก ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอผู้บังคับบัญชาลงนามพิจารณาสั่งฟ้อง เพื่อส่งสำนวนเสนอพนักงานอัยการ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังได้มีการขยายผลดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลและตรวจสอบอาวุธปืนหลวงดังกล่าว ซึ่งมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการดังกล่าวอีกจำนวน 8 นาย โดยจะดำเนินคดีในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด โดยจะสรุปสำนวนเสนอ ป.ป.ช.พิจารณาดำเนินการ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการจับกุมดำเนินคดีกับ ด.ต.เชาวลิต ซึ่งได้ลักเอาอาวุธปืนหลวงของ สภ.ปากเกร็ด นำออกไปจำนำให้กับผู้อื่นแล้วนั้น ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมอบหมายให้ตนเป็นผู้ควบคุมดูแลการสืบสวนสอบสวน จึงได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการรับปืนของหลวงดังกล่าวไปทั้งหมด รวมทั้งดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการปล่อยปละละเลยทำให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ โดยตัวของ ด.ต.เชาวลิตนั้น ศาลได้มีคำสั่งพิพากษาจำคุก 256 ปี 168 เดือน แต่ให้จำคุก 50 ปี ตามกฎหมาย ในส่วนของสำนวนของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรับจำนำปืนนั้น ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 23 คน ซึ่งจับกุมได้แล้วทั้งหมด โดยอยู่ในระหว่างสรุปสำนวนเสนอพนักงานอัยการ และในส่วนของการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ได้มีการสรุปสำนวนเสนอ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนี้ จะยังมีการขยายผลติดตามอาวุธปืนหลวงที่ยังสูญหายอยู่ รวมทั้งหากมีการพบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมก็จะขยายผลดำเนินคดีโดยเด็ดขาดต่อไป