MGR Online - ดีเอสไอ รับเรื่อง “ทนายอั๋น บุรีรัมย์” จี้ตรวจสอบที่มารายรับ-รายจ่าย “ทนายตั้ม” หลังใช้ชีวิตหรูหรา ไม่สอดคล้องงบดุลกำไรขาดทุน อาจพบผิดมูลฐานฟอกเงิน
วันนี้ (5 เม.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ “คนรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยบริสุทธิ์” เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พร้อม นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบที่มารายได้ของ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ซึ่งหากพบความผิดปกติอาจเข้าข่ายมูลฐานการฟอกเงิน
นายภัทรพงศ์ เปิดเผยว่า วันนี้มาให้ดีเอสไอตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้ม เพราะถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะต้องยอมให้มีการตรวจสอบและติชมจากสังคม โดยตนคัดลอกข้อมูลจากเว็บไซต์เป็นงบดุลกำไรขาดทุน บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จํากัด (Sittra Law Firm) ย้อนหลัง 4 ปี พบว่ามีกำไรเพียง 4 แสนกว่าบาท แต่ทนายตั้มกลับใช้ชีวิตหรูหรา ใช้ของแบรนด์เนม ทำตัวไฮโซ ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายรับ-รายจ่ายของบริษัท หรือหากมีรายได้พิเศษทางอื่นๆ จากช่องทางใด
นายภัทรพงศ์ เผยว่า สำหรับแหล่งที่มารายได้ของทนายตั้ม 3 ทาง คือ 1. บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม 2.งานส่วนตัว และ 3.มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ของทนายตั้ม เมื่อตรวจสอบแล้วโปร่งใสจะเป็นผลดีต่อตัวทนายตั้มเอง แต่หากพบการทุจริตจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของอาชีพทนายความ และอาจเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินด้วย ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้เดินทางไปร้องทุกข์ ปปง. แต่มาร้องขอให้ดีเอสไอ ใช้เครื่องมือตรวจสอบ และที่ผ่านมา ทนายตั้ม ก็ไม่เคยออกมาชี้แจงเรื่องรายได้ดังกล่าว
นายภัทรพงศ์ เผยว่า ส่วนกรณีทนายตั้มแถลงข่าวคิดค่าเสี่ยงภัย ราคา 3 แสนบาท ถือว่าผิดข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ ข้อ 18 ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือ เป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ โดยตนเคยไปร้องสภาทนายความ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา
“สำหรับกรณี นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ล่าสุดได้ออกมายืนยันว่าเคยจ้างทนายตั้มทำคดีความ มีค่าเดินทางเหยียบบ้านกกกอก 5 แสนบาท และทราบว่ามีแฟนคลับจากต่างประเทศเคยโอนเงิน 2-3 ล้านบาท ช่วยเรื่องคดีความ ซึ่งมีหลักฐานต่างๆ ยืนยันและอยากให้ทนายตั้ม กางบัญชีรายได้เพื่อยืนยันแสดงความบริสุทธิ์ใจ”