xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : “อุ๊งอิ้ง-เศรษฐา” ไม่ลง ส.ส.เพื่อไทย แผนเซฟโซน เสี่ยงทีละก้าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ตอน “อุ๊งอิ้ง-เศรษฐา” ไม่ลง ส.ส. เพื่อไทย แผนเซฟโซน เสี่ยงทีละก้าว



เป็นที่ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยไม่ส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน คือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เสี่ยนิด เศรษฐา ทวีสิน และ ชัยเกษม นิติสิริ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย
 
แม้ เศรษฐา เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของประเทศไทย จะออกมาชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย แต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอย่างเดียว เพราะจุดหมายต้องการจะทำงานในฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ฝ่ายนิติบัญญัติ

มันฟังดูสมเหตุสมผล แต่มีหลายต่อหลายกรณีในอดีตที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยหลายคน สวมหัวโขนของ ส.ส.อีกใบด้วย
 
ไม่ต้องย้อนไปไหนไกล นายทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรี ต่างลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ด้วยกันทั้งคู่
 
เพราะย้อนไปในอดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 คือ สัญลักษณ์ที่แต่ละพรรคต้องการชูว่า เป็นคนที่พรรคสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี
 
แน่นอนว่า ในรัฐธรรมนูญใหม่ มีเรื่องของบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค แยกต่างหากกับบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เลยทำให้บางพรรคแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีถูกชูขึ้นหิ้ง ไม่นำไปปะปนกับบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ลำดับที่ 1 แล้ว
 
อย่างเช่น บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ครั้งก่อนไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐอย่างเดียว รวมไปถึงครั้งนี้ที่ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคอย่างเดียวเหมือนเดิม
 
แต่กรณีของ อุ๊งอิ๊ง และ เสี่ยนิด แม้จะทำแบบเดียวกัน แต่เหตุผลคงต่างกัน สำหรับ บิ๊กตู่ เอง จุดประสงค์คือ ต้องการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากสุดท้ายพรรครวมไทยสร้างชาติล้มเหลว สุดท้ายคือ เก็บกระเป๋ากลับบ้าน
 
ในขณะที่ อุ๊งอิ๊ง กับ เสี่ยนิด นั้น มันเป็นยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ในเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยง ไม่ได้เป็นเพราะต้องการจะต้องเป็นฝ่ายบริหารเท่านั้นเหมือนกับที่ เสี่ยนิด ระบุ
 
และมันแสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้อยู่ในจุดที่มั่นใจว่า จะสามารถตั้งรัฐบาลได้ด้วย ไม่เช่นนั้นคงเอา อุ๊งอิ๊ง และ เศรษฐา ไปอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แล้ว
 
มันไม่ได้เป็นเรื่องอะไรที่เสียหายเลย หากจะเอาตัวเองไปอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพราะท้ายที่สุด หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ว่า อุ๊งอิ๊ง หรือ เสี่ยนิด ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี สามารถลาออกจาก ส.ส.ในภายหลัง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมาได้
 
ในขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยกระแนะกระแหน บิ๊กตู่ มาตลอดว่า ไม่เข้าใจประชาชนเพราะไม่ได้เป็น ส.ส. แถมลูกพรรคบางคนยังท้าให้ บิ๊กตู่ ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่วันหนึ่งพอผู้นำของตัวเอง ทั้ง แพทองธาร และ เศรษฐา ก็ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งในตัวเอง
 
เหตุผลจริงๆ ของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นเรื่องของการเดินเกมการเมืองแบบระมัดระวัง ไม่ผลีผลาม ไม่นำขุนมายืนในจุดที่เสี่ยงจะถูกอีกฝ่ายรุกฆาต
 
เพราะตามรัฐธรรมนูญแล้ว แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหากที่สุดแล้วไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องเข้ากระบวนการตรวจสอบขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ถ้าเป็น ส.ส. จะต้องยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ทั้งขาเข้า และขาออก
 
หาก แพทองธาร และ เศรษฐา ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนว่า ทั้งคู่ต้องอยู่ในลำดับต้นๆ ของพรรค แทบจะเป็น ส.ส.แบบนอนมา จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเต็มตัว จากเดิมที่ไม่มีใครรู้รายละเอียดว่า ทำอะไรที่ไหนอย่างไร
 
ระดับบิ๊กเนมอย่างทั้งสองคน ย่อมต้องถูกล้วง แคะ แกะ เกา ตามประสาคนที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จะต้องถูกร้องเรียนต่อเนื่อง เหมือนกับที่ ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ โดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
ในทางการเมืองไม่ต่างอะไรกับการรับน้อง ยิ่ง เศรษฐา แล้ว เริ่มถูกตรวจสอบโดยกระบวนการตรวจสอบของสังคมตั้งแต่มีชื่อว่าจะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ ฉะนั้น หากเป็น ส.ส. จะยิ่งถูกขุดคุ้ยมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

แล้วการเป็นนักธุรกิจนั้น ยิ่งถูกฝืนฝอยหาตะเข็บประวัติเก่าๆ ออกมา ซึ่งบางครั้งคนเหล่านี้ไม่ได้ระมัดระวังตัว อาจจะเกิดข้อผิดพลาดกันได้ และมันอาจนำมาซึ่งอันตรายในทางการเมือง เพราะถูกนำเข้าระบบเรียบร้อย
 
ไม่เพียงแค่เรื่องการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเท่านั้น แต่การเป็น ส.ส.ยังจะมีเรื่องของการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ที่ ส.ส.หลายคนปิดฉากทางการเมือง และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตไปแล้วเพราะข้อหานี้หลายคน
 
มันเป็นโทษที่ไม่จำเป็นต้องทุจริต แต่เพียงแค่ประพฤติตัวไม่ดี ก็สามารถถูกนำขึ้นลานประหารได้ ที่สำคัญ กระบวนการตรวจสอบจนถึงขั้นชี้มูลของ ป.ป.ช.ใช้เวลาอย่างรวดเร็ว

มันค่อนข้างเปราะบางและเสี่ยงจะโดนสอยตลอดเวลา โดยเฉพาะในวันที่สถานการณ์ทางการเมืองคาบลูกคาบดอก ฉะนั้น ทั้งสองคนจึงไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
 
และหากจะบอกว่า ไม่ได้หนี เพราะสุดท้ายถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องเข้าระบบตรวจสอบอยู่ดี ซึ่งถูกต้องว่าจะเป็นแบบนั้น

แต่อย่าลืมในกรณีที่ผิดแผน ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดันเข้าสู่ระบบตรวจสอบตั้งแต่การเป็น ส.ส.แล้ว ก็ถูกสอยได้เหมือนกัน
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเดินไปทีละสเตป กินทีละคำ จ้องมองสถานการณ์ไปด้วย หากไม่เป็นอย่างที่คิด อย่างน้อย ลูกสาวนายใหญ่ และ มหาเศรษฐีที่ดินก็ยังปลอดภัยอยู่

---------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น