“ชูวิทย์” ซัด “ทนายตั้ม” เป็นตัวแทนเว็บพนันเหมือน “สันธนะ” แถบริจาคเงิน รพ.ไม่เป็นการฟอกขาว พร้อมต่อสายตรงทนายอนันตชัย ยันฟ้องร้องแน่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มี.ค.ที่ซอยเฉยพ่วง เขตจตุจักร นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ลงพื้นที่ขึ้นรถติดเครื่องขยายเสียง รณรงค์การต่อต้านนโนบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย พร้อมแจกเสื้อยืดให้กับประชาชน ก่อนแถลงข่าวชี้แจงกรณีโรงพยาบาลศิริราช เตรียมดำเนินการคืนเงินบริจาคจำนวน 3 ล้านบาทของนายชูวิทย์ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นายชูวิทย์ กล่าวภายหลังทำกิจกรรมว่า วานนี้มีผู้ใหญ่ในวงการการเมืองที่ตนเคารพ บอกให้หาทางลงได้แล้ว แต่ตนยืนยันจะสู้ต่อไปจนกว่าจะไม่ไหว เพราะยังมีอีก 2 เรื่องที่ตนต้องทำ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครทำ คือ 1.การรณรงค์เรื่องต่อต้านกัญชาเสรี ซึ่งมีพรรคการเมืองพยายามฟ้องร้องตน ทั้งที่ เยาวชนอาจมีแนวโน้มจะเริ่มเสพกัญชาและไปใช้ยาเสพติดชนิดอื่น 2.การคอรัปชั่น มีการซื้อขายเสียงนักการเมือง ตนจะทำกิจกรรมเช่นนี้ไปตลอด พร้อมยินดีขึ้นศาลตามวิถีประชาธิปไตย ยืนยันว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำในนามส่วนตัว พร้อมยินดีพลีชีพ
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้มอบหมายทนายความดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมีกระบวนการทำลายล้างตน ลูกตน รวมถึงทรัพย์สิน จึงขอถามกลับไปยังนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มว่าสิ่งที่ทำไปนั้น เป็นไปในนามสารวัตรซัวหรือไม่ เพราะทนายตั้มก็เป็นตัวแทนของเว็บพนันออนไลน์เช่นเดียวกับนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ที่มักจะออกมาแสดงตัวเวลาตนแฉธุรกิจสีเทา หากทนายตั้มเก่งจริงต้องไปฟ้องศาลหรือแจ้งความ ไม่มาใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือ ซึ่งเรื่องของทนายตั้มนั้น ให้สอบถามลูกน้องของนายตำรวจใหญ่ระดับผู้กำกับ
นายชูวิทย์ ยังต่อสายโทรศัพท์ถึงทนายอนัตตชัย ไชยเดช พร้อมยืนยันจะฟ้องร้องทนายตั้ม ในฐานะทนายความของนายชูวิทย์ โดยทนายอนันตชัย เผยว่าการกระทำของทนายตั้มนั้นถือว่าผิดมารยาททนายความ และหากยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนยังถือว่าเข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
ส่วนกรณีนายชูวิทย์ นำเงินสีเทาไปบริจาคนั้น ส่วนตัวมองว่ายังไม่เข้าข่ายการฟอกเงิน เพราะไม่ได้นำไปซื้อทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามประเด็นนี้อาจต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติม
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นการบริจาคเงินให้โรงพยาบาลนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่การฟอกเงิน ในเมื่อตนรับกลับมาคืนให้เจ้าของ ไม่ได้นำเงินไปซื้อหรือลงทุนอะไร ส่วนเรื่องที่ดินสุขุมวิทซอย 10 ของตนที่เคยมีคดีความนั้น ดำเนินการถูกต้องและเสียภาษีตามกฎหมาย เนื่องจากมีคนวางแผนให้โดนคดีความ แต่ตนไม่กลัว