พี่ชายร้องทนายรณณรงค์ น้องชายเป็นช่างระบเหมาไฟฟ้าชาวจังหวัดตรัง ถูกหมอศัลยกรรมขับเก๋งชนเสียชีวิต แต่คดีไม่คืบหน้า ซ้ำตอนเกิดเหตุ ไม่ตรวจแอลกอฮอล์ เชื่อเจ้าหน้าที่เกรงใจ เพราะมีญาติเป็นบิ๊กข้าราชการ
วันนี้ (12 มี.ค.) ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเอกรัฐ ปรีจินดา อายุ 39 ปี (พี่ชายผู้เสียชีวิต) นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่เกิดเหตุเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม กับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือหลัง นายแพทย์ธนเดช กลิ่นรส หมอศัลยกรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน กง 6448 พัทลุง เฉี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายวิทยา ปรีจินดา ยี่ห้อฮอนต้า เวฟ 100 สีแดง หมายเลขทะเบียน ขชร 740 ตรัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลตรัง เกรงว่า คดีไม่คืบหน้า เนื่องจากน้องชายของคู่กรณี เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีญาติทำงานอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เหตุเกิดบริเวณตรงข้ามหน้าโรงเรียนเพาะปัญญา ถ.ตรัง-พัทลุง ตำบลนาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง เวลาประมาณ 20.24 น.แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองตรัง
นายเอกรัฐ (พี่ชายผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนน้องชายอายุ 33 ปี อาชีพผู้รับเหมาไฟฟ้า อยู่ที่ จ.ตรัง คืนเกิดเหตุวันที่ 26 ธ.ค. 65 ลูกของน้องชายป่วย จึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อยาประมาณ 20.00 น. และเกิดเหตุถูกรถชนตอน 20.24 น. จุดเกิดเหตุห่างจากบ้านไม่ถึง 1 กิโลเมตร หลังเกิดเหตุไปขอดูกล้องวงจรปิดเอง ถามคู่กรณีบอกว่ามองไม่เห็น เขาก้มหยิบมือถืออยู่ ทำให้ชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของน้องชายตน ดูจากกล้องวงจรปิดน้องตนขี่รถคู่ไปกับมอเตอร์ไซค์อีกคันและแซงขึ้นไป ก่อนรถคู่กรณีจะเข้ามาชนจากอีกเลน ดูจากกล้องไม่ได้มีการตัดหน้า หรือรถน้องชายตนออกมาจากจุดอับ รถน้องชายมีไฟท้าย และถนนมีแสงสว่างชัดเจน ซึ่งจะมาบอกว่ามองไม่เห็นเป็นไปไม่ได้เลย รถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้เสียหายเยอะ แต่จากจุดชนรถไถลห่างไปอีกประมาณ 20 เมตร น้องชายกระเด็นไปตรงเกาะกลางและหัวกระแทกพื้นอาการสาหัสและเสียชีวิตตอนประมาณเที่ยงคืนของคืนเกิดเหตุ ซึ่งตรงนั้นเป็นหน้าโรงเรียน ไม่ควรขับเร็วเพราะตามกฎหมายต้องไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง
งานศพของน้องชายจัดตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 65 - 12 ม.ค. 66 แม่คู่กรณีเข้ามาที่งานศพ แต่คนชนไม่เคยเข้ามาเลย คนชนเป็นหมอ อายุประมาณ 35 ปี ครอบครัวคู่กรณีจ่ายเงินมาให้ครั้งแรก 5,000 บาท คืนวันเกิดเหตุ และจ่ายอีก 50,000 บาท วันที่ทำศพ ครอบครัวของตนได้นัดเจรจาถึง 2 ครั้ง แต่ทางคนชนไม่ได้เสนอความรับผิดชอบอะไรอีกเลย เขาบอกให้ทางตนคำนวณค่าเสียหาย ซึ่งน้องตนเป็นผู้รับเหมามีรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท คำนวณแล้วถึงน้องชายอายุ 60 ปี รวมแล้วประมาณ 6 ล้านบาท เขาก็รับไปพิจารณา แต่พอมาเจรจาอีกรอบ คนชนบอกว่าไม่รับผิดชอบ ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา ญาติตนติดต่อไปเจรจาทางคนชนก็ไม่ยอมคุย ตนคิดว่า เขาเป็นหมอ มีน้องชายเป็นตำรวจ ส่วนพ่อทำงานในกระทรวงสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเรื่องผ่านไปกว่า 3 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้า รถคนชนไม่มีประกัน มีแต่ พ.ร.บ.จ่าย 500,000 บาท นอกจากนี้ คนชนไม่เคยเจรจาอะไรอีกเลย ไม่คุยต่อ บอกแต่ว่าอยากได้ให้ไปฟ้องศาลเอา ศาลตัดสินเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น ตำรวจเรียกแล้ว แต่ได้คำตอบว่าคนชนไม่ยอมปั๊มลายนิ้วมือ และเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งน้องชายตนมีลูก มีค่าใช้จ่ายทุกวัน ถ้ายื้อไปเรื่อยๆ ภาระต้องตกไปที่ภรรยาน้องชายและพ่อแม่ตน ตนเลยมาร้องขอความเป็นธรรมกับทนายรณณรงค์ในวันนี้เพื่อให้คดีมีความคืบหน้า
ทางด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า กรณีหมอศัลยกรรมที่ จ.ตรัง ขับรถชนน้องชายเขาตาย และไม่รับผิดชอบ ไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งขัดกับระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ไม่ปกติ วรรณะของหมอในต่างจังหวัด ถือว่าใหญ่ ไม่ธรรมดา รู้จักไปหมด ผู้เสียหายกลัวว่าคดีนี้จะมีการวิ่งเต้น วันนี้เลยมาขอความเป็นธรรมที่กรุงเทพมหานคร ให้พี่น้องสื่อมวลชลช่วยนำเสนอเรื่องราวของเขา เรื่องนี้เกิดในพื้นที่ จ.ตรัง ทางครอบครัวจะต้องไปยื่นเรื่องที่จังหวัดตรัง แต่แนะนำไปที่ สตช. เพราะคดีมันช้า วิงวอนไปถึงคู่กรณีอาชีพการงานดี เค้าเรียกไป 6,000,000 บาท เราไม่มีจ่ายเป็นก้อน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่รับผิดชอบเลยเพราะเขาเสียชีวิต