หมอรพ.ดัง ผ่าตัดคนไข้วัย 57 แต่ลืมดอกสว่านดามขาจนติดเชื้อ ร้องเรียนไปที่รพ.คู่กรณีแต่กลับนิ่งเฉย เข้าร้องเรียนทนายรณรงค์ช่วย
เมื่อเวลา 15.00น.วันที่ 8 มี.ค.66 ที่สำนักงานทนายคู่ใจ(ทนายรณรงค์) อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้มีลูกชายและญาติ ช่วยกันประคองคุณป้าเดินขาเจ็บ เข้าร้องเรียน ทนายรณรงค์แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กรณีไม่ได้รับการเยียวยาหรือช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม จากแพทย์และโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งต่อมาได้รับผลข้างเคียงจากการรักษาบาดแผลทำให้เกิดการติดเชื้อ จากการลืมอุปกรณ์ ทางการแพทย์หรือดอกสว่านยาวประมาณ 1นิ้ว เอาไว้ในขาข้างขวาที่ได้รับบาดเจ็บ
นางจันทรา วุฒิยานันท์อายุ 57 ปี เปิดเผยว่า เมื่อปี 2559 ตนเองได้ประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องร้อยใส่เหล็กดามขา 7 เส้น ต่อมาปี 2560 ก็ได้ไปถอดเหล็กที่ขาออก 6 เส้น แต่คงเหลือเอาไว้ 1 เส้น ซึ่งขาก็เกิดอาการอักเสบ เป็นหนอง มีอาการปวด ไม่สามารถเดินเหินได้ จึงไปรักษาตัวที่ รพ.เรื่อยมา ได้ขอให้แพทย์เอาเหล็กออกให้ แต่แพทย์แจ้งว่าไม่สามารถเอาออกให้ได้ จนกระทั่งปี 2565 เกิดอาการขาข้างขวามีอาการปวดบวมขึ้นจนทนไม่ไหว เพราะจุดบริเวณที่เจาะเหล็กดามแผลได้เริ่มมีน้ำหนอง ไหลอักเสบออกมามากขึ้น จึงได้เข้าพบหมอที่ รพ.ค่ายอดิศร สระบุรี ต่อมาทาง รพ.ค่ายอดิศร ได้ส่งตัวมายัง รพ.พระมงกุฎที่กรุงเทพฯ โดยแพทย์แจ้งว่ากระดูกติดเชื้อ จึงได้ผ่าตัดเอาดอกสว่านที่ตกค้างอยู่ภายในขาออกให้
ซึ่งเมื่อพอผ่าตัดเอาดอกสว่านออกแล้ว บริเวณบาดแผลที่อักเสบมาตลอด ได้มีอาการดีขึ้นมาตามลำดับ เมื่อสอบถามกลับไปทาง รพ.สระบุรี ก็ไม่ได้รับคำตอบหรือคำชี้แจงอะไรใดๆกลับมาเลย
อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นต้นสังกัดให้ลงมาดูแลช่วยเหลือให้ได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรมในเรื่องนี้ เพราะต้องกลายเป็นผู้ทุพพลภาพได้รับผลกระทบจากบุคคลากรทางการแพทย์ ทำให้ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและขาดโอกาสในการทำงาน
ทนายรณรงค์ กล่าวว่า ทางสปสช.และ กระทรวงสาธารณสุข หรือสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ต้องลงมาดูแลตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งนี้ว่า กรณีแพทย์ได้ลืมสิ่งของหรือ ดอกสว่าน เอาไว้ในร่างกายของประชาชน แบบนี้ ใช่อุปกรณ์ทางการแพทย์จริงหรือไม่ ทำไมทางโรงพยาบาลที่รักษาไม่เยียวยาผู้บาดเจ็บและได้รับผลกระทบ ทำให้ขาดโอกาสประกอบ อาชีพได้ไม่สมบูรณ์ เบื้องต้นเท่าที่ทราบมีวงเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบไม่เกิน 4แสนบาท ขอแจ้งเรื่องเรียนไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย