MGR Online - “สมศักดิ์” ลุย “พัทลุง-ตรัง” ดูงานสนามวัวชน ฟังความเห็นชาวบ้านนำไปร่าง กม.ปศุสัตว์ ให้สมบูรณ์เพื่อประชาชน พร้อมเปิดโครงการปราบยาเสพติด เน้นยึดอายัดทรัพย์ตัดวงจรผู้ค้า
วันนี้ (3 มี.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และข้าราชการ เยี่ยมชม สนามกีฬาชนโค บ้านควนขนุน จ.พัทลุง และสนามกีฬาชนโคบ้านควนตรัง จ.ตรัง เพื่อศึกษาแนวทางและรับฟังข้อเสนอแนะในการร่างกฎหมายปศุสัตว์
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเดินทางมาภาคใต้ ในสมัยที่เป็น รมว.ยุติธรรม รวมครั้งนี้ก็เป็น 16 ครั้งแล้ว ที่ผ่านมา ตนมางานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน งานสร้างการรับรู้ประมวลกฎหมายยาเสพติด และการปลดล็อกพืชกระท่อม แต่วันนี้ตนนำเรื่องที่ชอบมาบอก คือ วัวชน โดย 20 ปีที่แล้วสมัยที่ตนเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ตนได้เคยเสนอโครงการโคล้านตัว ซึ่งขณะนี้ก็มีพรรคใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มีนโยบายหาเสียงด้านการเกษตร ซึ่งมีพื้นฐานมาจากโครงการวัวล้านตัวทั้งสิ้น โดยขณะนี้กระทรวงยุติธรรมได้ผลักดันร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับปศุสัตว์ ผ่านความเห็น ครม. แล้ว เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 65 หลังจากที่ตนได้เร่งให้หน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม ช่วยกันร่างกฎหมาย นี่คือสิ่งที่เราพยายามผลักดันมาตลอด
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย ได้อนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทสัตว์ต่อสู้กันหรือแข่งขันสัตว์ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งกีฬาสัตว์ท้องถิ่น เช่น วัวชน ไก่ชน ปลากัด และม้า จัดการแข่งขันและเล่นพนันได้ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็น Soft Power ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทย โกอินเตอร์ เป็นที่น่าสนใจของชาวต่างชาติ และเราต้องทำกติกาให้เป็นสากล ลดการบาดเจ็บของสัตว์ และมีการทำสัญลักษณ์ให้ชัดว่าตัวไหนเป็นฝั่งไหน เช่น การใช้ผ้าสีพันเขา เพื่อให้นักท่องเที่ยวดูออก รวมถึงการพัฒนาสายพันธุ์สัตว์ ทำใบเพ็ดดีกรี ( Pedigree) หรือ ใบประวัติ เวลาขายจะได้ราคาสูงกว่าเดิม ส่วนเรื่องการพนันต้องทำให้ถูกต้อง ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ มีการเก็บภาษี ก็จะสามารถเอาเงินเข้ากองทุนเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศได้ เช่น กองทุนการศึกษา กองทุนแก้ความยากจน และมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ จะได้ค่าลิขสิทธิ์อีกมหาศาล หากทำกฎหมายนี้ไม่สำเร็จ เราก็จะยังย่ำอยู่กับที่ ขาดรายได้เสียโอกาสในการพัฒนาท่องเที่ยว
"นี่คือสิ่งที่ผมชอบ และจะทำต่อไปให้พี่น้องประชาชน และจะต้องทำให้เป็นสากล กีฬาวัวชนเราจะดูกันเองแค่คนใต้หรือคนไทยไม่ได้ วันนี้เราต้องยกระดับโกอินเตอร์ ต้องดูได้ทั่วโลก อย่างปศุสัตว์ในออสเตรเลีย มีมูลค่า 440,000 ล้านบาท มีการจ้างงานมากกว่า 400,000 คน ส่วนภาคใต้ของไทยมีวัวพร้อมชนปีละ 10,000 ตัว และมีเงินหมุนเวียนในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 73,113 ล้านบาท ซึ่งหากเรายกระดับมีกฎหมายก็จะเพิ่มมูลค่าได้อีก ทั้งการขายพันธุ์ การดึงนักท่องเที่ยวและสปอนเซอร์ ดังนั้นผมจึงหวังว่าทุกคนจะช่วยกันเสนอความเห็นและร่วมกันผลักดันร่างกฎหมายนี้ให้สำเร็จ" นายสมศักดิ์ กล่าว
ต่อมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด รองรับประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมี นายภูวนัฐ สมใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พ.ต.อ.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง นายวิชาญ สังฆนาคินทร์ กรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดิน และประชาชน กว่า 700 คน เข้าร่วม ที่โรงแรมธรรมรินทร์ ธนา จังหวัดตรัง
โดย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ตนเข้ามาทำงานการเมือง คือ การเป็น ส.ส.จังหวัดสุโขทัย รวมแล้ว 10 สมัย และเป็นรัฐมนตรี 14 ครั้ง ซึ่งตลอดการเป็นรัฐมนตรี ตนไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯแม้แต่ครั้งเดียว โดยแสดงให้เห็นว่า การทำงานการเมืองของตน เป็นการทำงานแบบเชิงรุก ฝ่ายค้านจึงไม่ลงไม้ลงมือ เพราะถึงแม้จะไม่ใช่นโยบาย แต่หากเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็จะรีบดำเนินการทันที ส่วนในจังหวัดตรัง ที่มีปูชนียบุคคล นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ตนก็เป็นรัฐมนตรี ในครม.ทั้ง 2 สมัย ซึ่งสมัยแรก เป็น รมช.คมนาคม ส่วนอีกสมัย เป็น รมว.อุตสาหกรรม โดยได้มีโอกาสทำงานเบื้องหลังในการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้น ให้กับนายชวน ซึ่งตนเป็นคนรวบรวมพรรคเล็ก จนตั้งรัฐบาลได้
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลายคนถามว่า ตนเป็นรัฐบาลทุกครั้ง มีอุดมการณ์อย่างไร ซึ่งต้องบอกว่า ตนเป็นวิศวกร มีหน้าที่สร้างและแก้ปัญหาให้สังคม จึงเป็นรัฐบาลในทุกครั้ง และสามารถเป็นผู้ช่วยคนอื่นในการจัดตั้งรัฐบาล หรือ ขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง โดยคุณสมบัติส่วนตัว คือ ไม่ใช่คนแข็งกระด้าง และไม่ได้อ่อนแอ แต่มีเหตุมีผล ทำให้การแก้ปัญหาในกระทรวงยุติธรรม สามารถดำเนินการได้ในหลายเรื่อง เช่น ในจังหวัดตรัง ตนก็มีการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน ที่บูรณาการกฎหมายของ 2 กรมในกระทรวง มาขับเคลื่อนช่วยประชาชน ซึ่งสามารถช่วยทั่วประเทศได้กว่า 1 แสนครอบครัว โดยความเป็นวิศวกรของตน จึงทำให้ผลักดันเป็นโครงการนำร่องให้กระทรวงอื่นๆได้ดำเนินการต่อเนื่องได้
“นี่คือไอเดียความคิด ของคนที่เป็นนักการเมือง ที่ทุกครั้งมีการคิดก่อนที่จะเดิน และผมเห็นประชาชน ยังมีปัญหาอีกเยอะ ดังนั้น ถ้าเราเน้นหนักในเรื่องการเมืองแบบจินตนาการ หรือ แบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งขั้ว กว่าจะรวมกันได้เป็นรัฐบาลไม่ถึง 3 ปี ก็หมดเวลา ประชาชนไม่ได้อะไร ผมจึงเดินสายกลางมาโดยตลอด และจะทำแบบนี้ไปตลอด” รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องยาเสพติด ตนก็ได้ริเริ่มการปราบปรามยาเสพติดในรูปแบบใหม่ คือการตัดวงจรยาเสพติด ด้วยการยึดอายัดทรัพย์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ที่ได้ดึงภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เพื่อรับรางวัลนำจับ 5% แต่หลังมีกฎหมายใหม่ ต้องยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่เชี่ยวชาญ อย่าง จังหวัดตรัง สามารถจับกุมยาบ้า 1.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 กิโลกรัม แต่ก็ยังไม่ได้มีการขยายผลยึดทรัพย์ตามกฎหมายใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา กว่าจะยึดทรัพย์ใช้เวลา 8 ปี แต่ของใหม่อย่างมากไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น ทำให้ตนมั่นใจว่า การปราบปรามยาเสพติด จะได้ผล เพราะทำแบบจริงจัง ที่สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี
“ผมเชื่อว่า เมื่อมีรางวัลนำจับ 5% จะช่วยทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดลดน้อยลงไปได้ โดยประชาชน สามารถแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1386 หรือ ผ่านระบบบล็อคเชน ที่ไม่เปิดเผยตัวตนคนแจ้งเบาะแส เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจากที่ปรับรูปแบบการปราบยาเสพติดให้เข้มข้นขึ้น แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ก็ไม่ต้องโทษใครแล้ว เพราะต้องโทษทุกคนที่ยังไม่เข้าใจถึงแก่นแกนของปัญหา ถึงยังไม่ช่วยกันแจ้งเบาะแส เพราะยาเสพติดจะหมดไป ถ้าทุกคนเข้มงวดและช่วยกัน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานเรา” นายสมศักดิ์ กล่าว