MGR Online - ดีเอสไอ เร่งตามยึดรถยนต์ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษเข้าจำหน่ายในไทย เพิ่มอีก 2 คัน ที่โชว์รูมและคอนโดฯ กลางเมืองกรุงเทพฯ รวมยึดแล้ว 29 คัน จากทั้งหมด 35 คัน
วันนี้ (22 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) จากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ จากประเทศอังกฤษ (NCA : National Crime Agency) ให้ทำการสืบสวน กรณี ขบวนการโจรกรรมรถยนต์ราคาสูงจากประเทศอังกฤษ 35 คัน และนำเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีราคาที่ประเทศอังกฤษ ประมาณ 2,400,000 ปอนด์สเตอร์ลิง เทียบเงินไทยมากกว่า 100 ล้านบาท โดยได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 78/2561 นั้น
เนื่องจากคดีดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นคดีที่กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญ ตรงตามนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน จึงได้เร่งรัดติดตามการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้มาโดยตลอด รวมถึงการเร่งรัดการติดตามรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมทั้ง 35 คัน ดังกล่าวมาเป็นของกลางในคดี เพื่อนำส่งให้กับเจ้าของที่แท้จริงที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งที่ผ่านมากรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถติดตามยึดรถยนต์มาเป็นของกลางได้แล้ว 27 คัน
ต่อมา ในวันที่ 15 ก.พ.66 พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและคดีว่าด้วยการเล่นแชร์ พ.ต.ท.นิรุติ พัฒนรัฐ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นโชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ Porsche รุ่น Cayenne จำนวน 1 คัน
และเมื่อวันที่ 20 ก.พ.66 ได้นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ MINI Cooper ได้อีก 1 คัน ซึ่งทั้งสองคันดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่มียี่ห้อ รุ่น หมายเลขตัวรถ และหมายเลขเครื่องยนต์ ตรงตามบัญชีรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ ในการตรวจค้นดังกล่าวได้ชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลความจำเป็นที่ต้องตรวจยึดรถยนต์ทั้งสองคัน ให้ผู้ครอบครองรถยนต์ทราบ
ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ครอบครองรถเป็นอย่างดีและยินยอมให้ตรวจยึดรถยนต์ทั้งสองคัน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงนำมาเก็บรักษาไว้ที่อาคารจอดรถของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
จากรถยนต์จำนวน 35 คัน ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้สืบสวนติดตามและยึดรถยนต์มาเป็นของกลางในคดีนี้ได้แล้ว 29 คัน ยังคงเหลืออีก 6 คันที่อยู่ระหว่างการสืบสวน โดยจะได้เร่งรัดติดตามมาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีพยานหลักฐานว่าผู้ครอบครองรายใดที่ทราบเหตุแห่งการกระทำความผิดแล้วได้นำรถไปซุกซ่อนหรือทำลาย ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายต่อไป