MGR Online - โฆษก บช.ก.เผยเลื่อนประชุมติดตามความคืบหน้าคดี "สารวัตรซัว" พัวพันพนันออนไลน์พรุ่งนี้ (16 ก.พ.) ส่วนจะเรียกนายพล จ.มาสอบหรือไม่อยู่ที่ดุลยพินิจพนักงานสอบสวน
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ โฆษก บช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือ "สารวัตรซัว" อดีตสารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัดกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง พัวพันพนันออนไลน์ ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้เรียกคณะทำงานประชุมความคืบหน้าคดีรอบแรก ซึ่งมีการแบ่งหน้าที่ ตำรวจแต่ละหน่วยงานดำเนินการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ก่อนเสนอความคืบหน้าในที่ประชุม เดิมทีมีการนัดประชุมคดี วันนี้เวลา 15.00 น. แต่ต่อมามีการเลื่อนนัดประชุมเป็นวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.66) เวลา 10.30 น. แทน
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า จากการประชุมครั้งดังกล่าว เบื้องต้นทาง พล.ต.ท.จิรภพ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท. สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ.8) ปฎิบัติราชการ บช.ก. เป็นหัวหน้าชุดควบคุมดูแลการสืบสวนสอบสวนในกรณีนี้ พร้อมมอบหมายให้ 3 หน่วยงาน เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ แบ่งเป็น กองบังคับการปราบปราม จะดูแลภาพรวมของคดี กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ดูแลส่วนของการกระทำความผิดในออนไลน์ เช่น เว็บไซต์พนันต่างๆ และกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ดูแลทางด้านเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินต่างๆที่ เกี่ยวกับการกระทำความผิด ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานนี้ จะบูรณาการร่วมกัน เพื่อหาความเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด มาดำเนินคดี
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า เนื่องด้วยมีพยานหลักฐานที่ส่งเข้ามาให้ตรวจสอบทั้งของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และบุคคลอื่นๆ ที่ปรากฏอยู่ในข่าวมีรายละเอียดและตัวละครจำนวนมาก ทั้งบุคคลที่อยู่ในสังกัดข้าราชการตำรวจและบุคคลทั่วไปอีกหลายคน จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบพอสมควร แต่ยืนยันขอให้เชื่อมั่นกับการทำงานของตำรวจสอบสวนกลาง ในส่วนของนายตำรวจที่ถูกพาดพิงถึง ทั้ง ร.ต.อ.ณฐกร หรือ ลุคเฟอร์รารี่ ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึง นายพล จ. อดีตตำรวจสังกัด บช.สอท. จะมีการเรียกมาตรวจสอบหรือไม่ ก็อยู่ที่ดุลยพินิจพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้เมื่อถามว่า นายพล จ. ที่มีตัวย่อออกมามีอยู่ในรายชื่อของผู้ที่จะเรียกมาตรวจสอบกี่คน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ระบุว่า ต้องดูในภาพรวมว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงบุคคลนั้นมากน้อยแค่ไหน ส่วนใครจะมาเปิดเผยชื่อนามสกุลจริงก็ต้องรับผิดชอบกันเอง