ตำรวจชุดสืบสวนนครบาลจับนายตั้ม เทียนทะเล ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้รักแล้วหลอกชวนร่วมลงทุน Forex เสียหายกว่า 3 ล้านบาท
วันนี้ (15 ก.พ.) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. สืบสวนทราบว่า เมื่อเดือน ม.ค.65 ชุดปฏิบัติการ PCT 5 ช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ต้องหาเงินไถ่ตัวกลับบ้านเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท จึงขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 เข้าช่วยออกมาได้ และสืบสวนขยายผลจนทราบว่า นายตั้ม เทียนทะเล หนึ่งในสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ลวงให้รัก แล้วหลอกร่วมลงทุน Forex ผ่านแอปพลิเคชัน Tinder ผบ.ตร.จึงเร่งรัดสืบสวนจับกุมคนร้ายรายนี้ทั้งในและต่างประเทศ
กระทั่งเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัวนายวิทวัฒน์ หรือตั้ม เทียนทะเล อายุ 35 ปี อยู่บ้านในซอยเทียนทะเล 7 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ จ.87/2565 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันเป็นอั้งยี่, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณกลางซอยรามคำแหง 54 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
พฤติการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการ PCT 5 ได้รับการประสานและช่วยเหลือผู้เสียหาย (ขอสงวนนาม) ว่า ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา โดยได้รับการติดต่อให้ไปทำงานเป็นพนักงานบ่อนกาสิโน ในประเทศกัมพูชา จะได้รับเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท เข้าประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ จากนั้นจะมีรถมารับ แต่เมื่อไปถึงแล้วกลับไม่เป็นไปตามข้อตกลง มิหนำซ้ำให้ไปทำงานร่วมขบวนการหลอกลวงคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนจีนเป็นหัวหน้าขบวนการ โดยให้ตนใช้แอปพลิเคชันทินเดอร์และลาซาด้า แสดงตนเป็นผู้หญิงเพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกัน จากนั้นเมื่อติดต่อกับเหยื่อที่เป็นคนไทยได้สักพัก ก็จะแนะนำให้ร่วมลงทุน โดยที่ตนไม่สมัครใจ และไม่อยากทำ และตนเองต้องการจะกลับบ้านที่ประเทศไทย แต่ไม่สามารถกลับได้ เนื่องจากหัวหน้าที่เป็นคนไทยชื่อนายปอ หนวดงาม หรือนายสุคนธนารักษ์ บอกว่าถ้าจะกลับประเทศไทยได้ต้องหาเงินมาไถ่ตัวจำนวน 100,000 บาท ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงติดต่อขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 กับพวก จึงรายงานให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ทราบพร้อมประสานทางการประเทศกัมพูชา ช่วยเหลือผู้เสียหายออกมาจากสถานที่ดังกล่าวได้
ต่อมาเมื่อผู้เสียหายเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ชุดสืบสวนจึงร่วมกันสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบจนสามารถเสนอพยานหลักฐานต่อศาลเพื่อพิจารณาออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด 26 ราย หนึ่งในนั้น คือ นายวิทวัฒน์ โดยการสืบสวนมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงและพิสูจน์ทราบได้ว่า นานยวิทวัฒน์ ทำหน้าที่เป็นพนักงานในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คอยทำหน้าที่หลอกเหยื่อ ตลอดจนเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินชุดสืบสวนสามารถพิสูจน์ทราบได้ว่านายวิทวัฒน์ ได้รับเงินค่าจ้างการทำงานจากตัวการที่กระทำความผิดในขบวนการ
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่า เดิมทีตนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และการ์ดพาร์ทไทม์ตามบริษัท และตามสถานบันเทิงต่างๆ แต่เงินเดือนไม่พอใช้จ่าย ต่อมามีคนรู้จักชื่อบังมัท ชื่อไลน์ว่า "มาดาระ" มีหน้าที่จัดหางานต่างๆ แนะนำให้ทราบว่ามีงานเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านรายได้ดีให้ทำ หากสนใจจะแนะนำให้รู้จักคนที่จะพาไปทำ โดยบังมัท ให้ผู้ต้องหาแอดไลน์บุคคลชื่อต้าร์ หลังจากผู้ต้องหาติดต่อพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับงานดังกล่าวกับต้าร์แล้ว ต้าร์แจ้งรายละเอียดว่า ขณะนั้นมีงานเป็นแอดมินเว็บพนันอยู่ที่ฝั่งกัมพูชา ทำหน้าที่คอย ถาม-ตอบ รับฝาก-ถอนเงิน ได้รับค่าจ้างเดือนละประมาณ 24,000 บาท มีที่พักและอาหารให้ฟรี ผู้ต้องหาจึงเกิดความสนใจและตกลงที่จะไปทำงานดังกล่าว โดยชายชื่อต้าร์แนะนำและให้เบอร์โทรศัพท์หญิงชื่อนุช เพื่อนัดวัน-เวลาที่จะเดินทางไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา
ต่อมาเมื่อช่วงประมาณวันที่ 11 พ.ย.64 หญิงชื่อนุช นัดหมายให้ผู้ต้องหา และคนอื่นๆ ที่จะไปทำงานดังกล่าว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปทำงาน โดยนัดหมายที่บริเวณสวนสาธารณะย่านถนนร่มเกล้า โดยมีรถตู้มารับเมื่อเดินทางถึงพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ผู้ต้องหาและกลุ่มพวกที่สนใจไปทำงานด้วยกันไปรอคนที่จะมารับไปทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อรัญประเทศ จากนั้นวันเดียวกันมีรถเก๋งมารับและไปส่งยังชายแดน ก่อนที่ทั้ง 7 คนและคนนำทางจะพากันเดินทางเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อผู้ต้องหาเดินทางต่อจนไปถึงโรงแรม จิงเฉิง เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ผู้ต้องหาได้พบกับนายสุคนธนารักษ์ หรือปอ ซึ่งเป็นหัวหน้าคอยสั่งการ
ผู้ต้องหาได้รับโทรศัพท์มือถือไว้ทำงานจำนวน 2 เครื่อง เพื่อสร้างบัญชีแอปพลิเคชัน Tinder โดยได้รับการแนะนำให้สร้างโปรไฟล์เป็นผู้หญิงหน้าตาดี มีฐานะ เพื่อล่อผู้ชายคนไทยที่ทักแชทพูดคุยให้หลงรัก โดยในการพูดคุยของผู้ต้องหากับเหยื่อจะมีนายสุคนธนารักษ์ หรือปอ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ จะเป็นคนให้บทสคริปต์การแชทคุยสำหรับให้ผู้ต้องหาไว้ดูเป็นแนวทางในการพูดคุยกับเหยื่อ เมื่อแชทพูดคุยจนผู้ต้องหาเริ่มมีความสนิทสนมกับเหยื่อพอสมควร ผู้ต้องหาจะส่งรูปภาพการได้กำไรจากการลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) ให้ดู เมื่อเหยื่อหลงกลถามถึงรายละเอียดการลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) ตามแผนที่วางไว้ ผู้ต้องหาจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลกำไรที่จะได้ให้ทราบ เพื่อหยั่งเชิงว่าเหยื่อจะมีความสนใจ หรือมีความโลภ มากน้อยแค่ไหน จากนั้น เมื่อเหยื่อสนใจผู้ต้องหาจะแนะนำให้ดาวโหลดแอปพลิเคชัน META TRADER5 เพื่อให้เหยื่อสมัครบัญชีทดลองเล่น โดยผู้ต้องหาจะให้เหยื่อเล่นตามที่ผู้ต้องหาแนะนำ เพื่อแสดงให้เหยื่อเห็นว่าเล่นแล้วสามารถได้กำไรและได้รับเงินจริง จนเหยื่อเกิดความมั่นใจ จึงจะแนะนำให้เหยื่อเปิดบัญชีสำหรับลงทุน พร้อมกับแนะนำให้เหยื่อรู้จักและติดต่อกับนักวิเคราะห์การลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ (ซึ่งเป็นคนร้ายไม้ที่สอง) ถือเป็นอันเสร็จสิ้นหน้าที่ของผู้ต้องหา
ผู้ต้องหาทำหน้าที่ดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 8 เดือน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2564 ถึง กลางกรกฎาคม 2565 หาเหยื่อให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวงให้รักและหลอกให้ร่วมลงทุนดังกล่าวในส่วนของไม้แรกได้ประมาณ 12 ราย ในจำนวน 12 ราย ที่ผู้ต้องหาส่งต่อให้คนร้ายไม้สองเพื่อหลอกเหยื่อต่อ ปรากฏคนร้ายไม้สองสหลอกเหยื่อต่อจนสามารถหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินสำเร็จ 4 ราย ความเสียหายต่อราย รายละประมาณ 700,000 ความเสียหายรวมกว่า 3,000,000 โดยในบรรดาเหยื่อที่มาตกหลุมรักกลลวงผู้ต้องหาไม้แรกส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว พ่อค้า ข้าราชการ ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา ภ.จว.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า ในสังคมปัจจุบันมิจฉาชีพกลโกงมากมายขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อ อย่าเห็นแต่ผลประโยชน์ที่ไม่มีความแน่นอน หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ เสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ "สืบสวนนครบาล IDMB" ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที