MGR Online - ผบ.ตร.ส่งทีมตำรวจ PCT รวบอดีตทนายแสบมีพฤติกรรมเป็นมารสังคม ใช้ภาพหนุ่มหล่อสร้างโปรไฟล์ปลอมในแอปหาคู่ ล่อลวงเหยื่อสาวให้รักแล้วหลอกเอาเงินจนหมดตัว เหยื่อบางรายหวิดคิดสั้นฆ่าตัวตาย ค้นห้องพักพบสมุดบันทึกจดลักษณะนิสัยเหยื่อ ภาพเปลือยผู้เสียหายใช้สำหรับแบล็กเมล์
วันนี้( 4 ก.พ.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) หรือ PCT , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ในฐานะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 5 PCT พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกันกับทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 และ บก.สส.บช.น.จับกุมตัวทนายพงศกร หรือ ชาย ศุภกรมงคลชัย อายุ 43 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ.407/2561 ลงวันที่ 16 ต.ค. 61 ข้อหา “ยักยอกทรัพย์” หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ จ.90/2563 ข้อหา “ฉ้อโกง" และหมายจับศาลอาญาที่ 35/2566 ลงวันที่ 2 ก.พ. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านกิมฮุง ร้านทอง ถ.สุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
มีรายงานว่าขณะจับกุม นายพงศกร ออกอุบายตบตาเจ้าหน้าที่โดยแสร้งว่าตนเองมิใช่บุคคลตามหมายจับ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและจะทำการจับกุมตัว นายพงศกร ยังมีพฤติกรรมต่อสู้ขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้กำลังตามสมควรในการจับกุม ซึ่งหลังการจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่ขยายผลการจับกุม โดยเข้าตรวจค้น ห้องพักเลขที่ 945/526 ชั้น 7 อาคาร c เลสโต คอนโด สุขุมวิท 13 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 46/2566 ลงวันที่ 3 ก.พ. 66 พบของกลางหลายรายการ โดยตรวจพบหลักฐานสมุดบันทึก ซึ่งมีการบันทึกลักษณะจิตใจ พฤติกรรม ของเหยื่อผู้เสียหาย และยังตรวจพบข้อมูลภาพถ่ายของผู้เสียหาย ที่นายพงศกรใช้แบล็กเมล์ในโทรศัพท์มือถือกว่าหลายภาพ และยังพบอัลบั้มภาพลักษณะนี้กับผู้หญิงรายอื่นอีกไม่ต่ำกว่า 3 คน ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการขยายผล ได้มีการนำตัว นายพงศกร ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย ส่วนหมายจับที่เหลืออีก 2 หมาย ได้มีการประสานงานกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และ สภ.แม่ปิง ทำเรื่องอายัดตัวต่อไป
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้มีหญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่งได้ขอความช่วยเหลือไปถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ โดยแจ้งว่าได้ใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่ App Bumble และได้พบกับคนร้ายซึ่งอ้างว่าตนเองชื่อ นายเธนศ (ไม่ทราบนามสกุล) ชื่อเล่น “ทอม” โดยคนร้ายสร้างภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปหล่อ ได้แชทสนทนาจีบกันกับหญิงผู้เสียหายโดยคนร้ายหว่านล้อมแสดงตนว่าเป็นผู้ชายสายบุญ กระทั่งหญิงผู้เสียหายรายนี้เริ่มหลงรัก เมื่อคนร้ายได้แชทสนทนากับหญิงผู้เสียหายได้มาระยะหนึ่ง คนร้ายสามารถรับรู้ได้ว่าหญิงผู้เสียหายมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า คนร้ายได้ใช้เทคนิคการสนทนาในลักษณะรู้จุดอ่อนของเหยื่อแต่งเรื่องหลอกลวงหญิงผู้เสียหายต่อไปว่า หากต้องการจะคบเป็นแฟน หญิงผู้เสียหายจะต้องไปหลับนอนกับพ่อของตนก่อนมิเช่นนั้นจะต้องเลิกรากัน ซึ่งหญิงผู้เสียหายกลัวที่จะต้องเลิกรายอมเดินทางไปพบกับพ่อของหนุ่มหล่อที่แชทสนทนากัน ซึ่งแท้จริงพ่อคนดังกล่าวนั้นคือ ผู้ต้องหานั่นเอง โดยคนร้ายหลอกลวงเช่นนี้เพราะทราบดีว่าตนเองหน้าตาไม่เหมือนกับใบหน้าในโปรไฟล์ที่แชทสนทนา จึงออกอุบายว่าตนเองเป็นพ่อของหนุ่มรูปหล่อที่แชทสนทนากับหญิงผู้เสียหาย โดยเมื่อคนร้ายได้นัดเจอกับหญิงผู้เสียหายที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งใน ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นจำนวนกว่า 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 19 ม.ค. 66
จากนั้นคนร้ายจึงเริ่มล่อลวงให้หญิงผู้เสียหายเริ่มลงทุน Money Exchange โดยเริ่มโอนเงินให้กับคนร้ายหลายครั้ง และยังถูกหลอกให้นำรถยนต์ของเหยื่อไปขายเพื่อนำเงินมาโอนให้กับคนร้ายอีก ซึ่งรวมความเสียหายทั้งหมด 1,511,911 บาท ซึ่งหลังรับแจ้ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้วิเคราะห์เห็นความผิดปกติของคดีซึ่งเชื่อว่ามีข้อเท็จจริงที่ซ่อนเร้นมากกว่าการหลอกลวงทั่วไป ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ในฐานะหัวหน้าชุด PCT5 ดำเนินการสืบสวนร่วมกับทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมในทันที ซึ่งเมื่อลงสืบสวนก็ได้พบกับวิธีการเลวร้ายยิ่งกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไป โดยสืบสวนพบว่า ลักษณะของหญิงผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อนั้น มีอาการคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไป ว่าเหยื่ออาจถูกคนร้ายแบล็กเมล์ โดยเชื่อว่าการที่หญิงผู้เสียหายยอมมีเพศสัมพันธ์กับคนร้ายซึ่งเป็นชายแปลกหน้าถึง 4 ครั้งนั้น ต้องเกิดจากที่คนร้ายใช้วิธีการเชิงบังคับอย่างแน่นอน ซึ่งต่อมาทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายคือ นายพงศกร ตรวจพบว่าเป็นเป็นอดีตทนายความในพื้นที่ จ.ชลบุรี แต่ได้ถูกถอนใบอนุญาตไปเนื่องจากเข้าไปพัวพันเรื่องผิดกฏหมายกับกลุ่มชาวต่างชาติ
จากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับกว่า 2 หมายจับ และมีประวัติก่อเหตุมาแล้วหลายคดีดังนี้
1.วันที่ 15 พ.ย. 49 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “พ.ร.บ.เช็ค” พื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม
2.วันที่ 21 มิ.ย. 50 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์” พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ
3.วันที่ 15 พ.ค. 61 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ยักยอกทรัพย์” พื้นที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่
4.วันที่ 1 พ.ค. 63 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
5.วันที่ 30 ม.ค. 65 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พื้นที่ สน.ตลิ่งชัน
6.วันที่ 29 พ.ค. 65 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พื้นที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา
เบื้องต้นในชั้นจับกุม นายพงศกร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองจบการศึกษานิติศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย และเคยมีอาชีพเป็นทนายความ เป็นเจ้าของเปิดสำนักงานทนายความอยู่ที่ จ.ชลบุรี แต่ตนได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มชาวต่างชาติ สัญชาติออสเตรเลียที่กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด จึงทำให้ไม่ได้เป็นทนาย โดยช่วงที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะได้หนีการประกันตัวชั้นศาล โดยได้แอบถอดกำไรข้อเท้าทิ้งไปแล้ว โดยในคดีนี้ตนยืนยันว่าตนเองไม่ได้ลงมือข่มขืนผู้เสียหาย และไม่ได้มีการแบล็กเมล์แต่อย่างใด โดยอ้างว่าหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายยินยอม โดยอ้างว่าเมื่อนัดพบกันแล้วและใบหน้าไม่เหมือนโปรไฟล์นั้น หญิงผู้เสียหายไม่ได้ว่าอะไรเพราะคุยกันเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ฉ้อโกง แต่เป็นการขอยืมเงิน โดยอ้างว่ายังติดหนี้หญิงผู้เสียหายอยู่แค่ 500,000 บาท แต่เอาเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดแล้วจึงไม่มีคืน ส่วนที่ภายในห้องพบสมุดบัญชีและซิมโทรศัพท์จำนวนมากนั้น เป็นของคนรู้จักไม่ได้มีการทำผิดกฎหมายใดๆ ส่วนภาพผู้เสียหายในเครื่องโทรศัพท์นั้นเป็นการเอามาจากเว็บไซส์และเป็นการแลกคอลเสียวกันโดยเต็มใจทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าไม่ได้มีการนำภาพมาแบล็คเมลล์แต่อย่างใด ส่วนคดีอื่นๆ ที่ยังค้างอยู่เยอะนั้นตนเองไม่ทราบ
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากพยานหลักฐานได้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องหา ประกอบกับภาพในโทรศัพท์ของผู้ต้องหานั้น เป็นภาพการวิดีโอคอลลักษณะที่ฝ่ายหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายเปิดภาพกล้องฝ่ายเดียวในสภาพเปลือยกาย ส่วนฝ่ายคนร้ายนั้นไม่มีการเปิดกล้อง เป็นเช่นนี้จำนวนหลายภาพ รูปแบบและเทคนิคการฉ้อโกงที่น่ากลัว และพยานหลักฐานที่พบสมุดจดในห้องนั้นมีการวิเคราะห์จุดอ่อนของเหยื่อไว้ด้วย
"คนร้ายในคดีนี้จึงถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง มีจิตวิทยาสูง อาศัยความเชื่อเหยื่อในการดูดวง ผมจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้อยู่ร่วมในสังคมกับประชาชนทั่วไปได้ เพราะการกระทำเยี่ยงนี้สามารถทำลายชีวิตคนให้ตายทั้งเป็นได้เลย และขอเตือนภัยไปยังกลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่เหล่านี้ ล่าสุดเราพบข้อมูลในโทรศัพท์ของคนร้าย ยังคงมี User ออนไลน์ไว้ในระบบแอปหาคู่ชื่อดัง 2 แอปพลิเคชั่น โดยใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า “Tom” โดยใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อ ให้ลองตรวจสอบโดยเร็วหากผู้ใดได้รับความเสียหายถูกหลอกลวงไปแล้วหรือกำลังจะหลงเชื่อ สามารถขอคำปรึกษาได้ทางเพจเฟซบุ๊ค สืบสวนนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม." พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว