MGR Online - “อายุตม์” ลงพื้นที่ตรวจงานลอกท่อ สร้างขวัญกำลังใจผู้ต้องขัง บริเวณแยกบางโพ เขตบางซื่อ กรุงเทพ พร้อมได้รับเงินตอบแทนตามสัญญา
วันนี้ (1 ก.พ.) เวลา 14.00 น. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงพื้นที่ตรวจงานการทำความสะอาดท่อระบายน้ำของผู้ต้องขัง บริเวณแยกบางโพ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร เพื่อบรรเทาปัญหาการเกิดอุทกภัยในพื้นที่ทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร
นายอายุตม์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจการทำงานของผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนนทบุรี พร้อมมอบแนวทางการทำงานและให้กำลังใจที่เขาเหล่านี้ได้ร่วมออกทำงานเพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ ได้ส่งผู้ต้องขังออกทำงาน เพื่อทำความสะอาดท่อระบายน้ำทั้งในเขตกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากสังคมเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และเป็นการสร้างโอกาสทางสังคมให้กับผู้ต้องขังได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ยังได้มีนโยบาย “7 ห้าม 3 ให้ สร้างความปลอดภัย ห่วงใยการทำงาน”
นายอายุตม์ เผยว่า โดยหลักดังกล่าว เป็นข้อปฏิบัติของประชาชนผู้ได้พบเห็น เพื่อจะสามารถทำให้การทำงานของผู้ต้องขังและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำความสะอาดท่อระบายน้ำในเขตกรุงเทพฯ ตามสัญญาจ้างระหว่าง พ.ศ. 2565 – 2566 จำนวน 2,500 กิโลเมตร มีเรือนจำร่วมดำเนินการ 14 แห่ง และจะเพิ่มกำลังพลอีก 4 เรือนจำเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณงาน
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า สำหรับในวันนี้เรือนจำจังหวัดนนทบุรี รับผิดชอบดำเนินการ 180 กิโลเมตร ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว 104 กิโลเมตร โดยผู้ต้องขังจะได้รับการลดวันต้องโทษจำคุก เท่ากับจำนวนวันที่ออกทำงาน พร้อมเงินรางวัลจากการทำงานตามสัญญาร้อยละ 70 ของผลกำไร ตลอดจนกรณีผู้ต้องขังได้บาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือเสียชีวิตจากการทำงานจะได้รับเงินเยียวยาตั้งแต่ 10,000 – 120,000 บาทอีกด้วย
“ทั้งนี้ ยังรวมถึงการทำงานของผู้ต้องขังทั่วประเทศในรูปแบบบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมโดยไม่มีค่าตอบแทน ผ่านศูนย์พัฒนาการทำงานผู้ต้องขัง กรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่มิถุนายน พ.ศ. 2565- มกราคม พ.ศ.2566 ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 2,254,900 บาท”
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ได้นำผู้ต้องขัง ออกทำงานสาธารณะ และงานนอกเรือนจำเพื่อประโยชน์ของสังคม โดยปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุม และตามมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานที่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นการให้โอกาส สร้างความเชื่อมั่นทั้งผู้ต้องขัง และสังคม รวมถึงการให้การยอมรับ และเป็นการเตรียมความพร้อมในการคืนคนดีสู่สังคมต่อไป ท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมให้กำลังใจกับผู้ต้องขัง