จบด้วยดีลูกน้อง ส.จ.เปี๊ยก อุทัย ชื่อดัง รุมทำร้ายหนุ่มนักเที่ยวในสถานบันเทิง ตร.แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายปรับ 1,000 บาท
จากกรณี นายศิลปชัย หรือ หนึ่ง ประณตน้อมสิน อายุ 40 ปี อาชีพขับแกร็บ ร้องเรียนกับสื่อมวลชล ว่า ได้ถูกลูกน้องนักการเมืองชื่อดังเกือบ 10 คน รุมทำร้าย หน้าลานจอดรถสถานบันเทิงชื่อดัง ย่านถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เหตุเกิดช่วงเวลา 00.40 น.ของคืนวันที่ 29 มกราคม 66 จนได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ทนายเกียรติคุณ ต้นยาง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา พร้อมด้วย นายศิลปชัย หรือ หนึ่ง ประณตน้อมสิน อายุ 40 ปี อาชีพขับแกร็บ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปรัชญา สินเกื้อกูล รอง ผกก. (สอบสวน) พนักงานสอบสวน เนื่องจากได้รับแจ้งว่า จะเรียก นายพัฒนายุ สุขสำเร็จ คู่กรณี มาแจ้งข้อกล่าวหา จึงได้เดินทางมาพบคู่กรณีและเข้าพูดคุยเจรจา พร้อมด้วย พนักงานสอบสวน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งทางคู่กรณีได้สำนึกผิดและยกมือไหว้ขอโทษก่อนจะถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายและโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท
นายพัฒนายุ สุขสำเร็จ คู่กรณี (เสื้อแดง) กล่าวว่า ก็เข้าใจนะว่า มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ตอนนี้ก็คุยกันลงตัวขอโทษแล้ว วันนั้นมีเหตุการณ์ก็ชนโต๊ะกันนิดหน่อย เป็นเหตุเข้าใจผิด แล้วพี่เขาก็ออกมาดูดบุหรี่ข้างหน้า แล้วพวกตนกำลังจะกลับแล้ว ตอนแรกคิดว่าพี่แกจะมาทำอะไรพวกตน ก็เลยเข้าใจผิดกันไม่ได้มีอะไร ที่กรูลงไปจากรถก็แค่จะไปถามว่าพี่เขามาทำอะไร ก็ดื่มไปด้วยนิดหน่อย จึงเกิดเรื่องขึ้น จากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ก็อยากขอโทษพี่ด้วย อารมณ์มันชั่ววูบไปหน่อย ที่พลาดพลั้งทำพี่เขาเจ็บตัว ตนยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
นายศิลปชัย หรือ หนึ่ง (เสื้อเหลือง) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตอนที่เขาเปิดกระจกมาถามตนก็ตอบไปว่ามาดูดบุหรี่ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรติดใจ อภัยให้กันหมดแล้วเคลียร์กันลงตัว อาการบาดเจ็บตอนนี้ก็รักษาตัวต่อวันที่ 2 หมอนัดเวลานั่งมอเตอร์ไซค์ก็ยังมีเจ็บหลังอยู่ ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรติดใจเคลียร์กันเรียบร้อย ขอโทษแล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว เมื่อเช้าที่ทางผู้ใหญ่ติดต่อมาก็เพื่อบอกว่าวันนี้มาไม่ได้แล้ว เพราะท่านติดประชุมด่วน
ทนายโป้ง กล่าวว่า ตอนนี้เป็นการเจรจากันระหว่างผู้เสียหายและคู่กรณี ส่วนเรื่องข้อหาเดี๋ยวพนักงานสอบสวนจะให้คู่กรณีลงไปรับทราบข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องพฤติการณ์ของคดีก็เป็นไปตามที่คู่กรณีให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนไว้ คู่กรณีจะใช้สิทธิที่จะให้การยังไงก็คงแล้วแต่เขา เรื่องของการเยียวยาทางผู้เสียหายก็ไม่ติดใจ เรื่องคดีก็ให้พนักงานสอบสวนทำตามกฎหมายไป เรื่องคำให้การแย้งไม่แย้งมันแล้วแต่คู่กรณีว่าจะให้การยังไง แต่ประเด็นสำคัญคือเขาปรับความเข้าใจกันได้ และได้พูดคุยทำความเข้าใจกันว่าทำผิดและกล้ายอมรับ รวมถึงทางผู้เสียหายก็มีน้ำใจรับคำขอโทษ เรื่องคดีก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป