สภาทนายความฯ เตรียมเชือดคดีมรรยาททนายดังโซเชี่ยลเปิดภาพลับ รองนายกฯ เผย มีคนประสานจะเข้ามาร้องเรียนจวกยับคนไม่กี่คนทำทนาย 8 หมื่นคนทั่วประเทศเสียหาย ยุคนี้จะไม่นิ่งดูดาย
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (31 ม.ค.) ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทยฯ พร้อมคณะกรรมการสภาทนายควา ได้กล่าวถึง กรณีที่มีทนายความชื่อดังทางโซเชี่ยล มีพฤติการณ์นำภาพข้อมูลส่วนบุคคลในคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลมาเผยเเพร่
โดย นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กล่าวว่า เรื่องนี้ทางสภาทนายความเราเฝ้ามองอยู่โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่สมควรเปิดเผยแล้วนำมาโฆษณาตัวเอง ขอยกตัวอย่างเรื่องรองนายกฯชื่อย่อ ย. ซึ่งเป็นเรื่องภายในครอบครัวและทนายความเมื่อรับคดีมาแล้วก็จะนำไปเปิดเผยไม่ได้ แม้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ถึงแม้ได้รับความยินยอมจากตัวความก็ตาม แต่ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่มีใครมาร้องเรียนที่สภาทนายความ ทางสภาทนายความจึงยังทำอะไรไม่ได้ แต่ก็ได้ทราบข่าว ว่าจะมีเคลือญาติของผู้เสียหายฝั่งรองนายกฯ ย.ประสานจะเข้ามาร้องเรียน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยและเกิดขึ้นซ้ำซาก ทนายความไม่กี่คน แต่กลับทำให้สภาทนายความเสียหายโดยเฉพาะอาชีพทนายความทนาย แค่ 5-6 คน ทำให้พวกเราเสียหายทั้งองค์กรที่มีคน 8 หมื่นกว่าคน ภายใต้การนำของดร.วิเชียร นายกสภาทนายความ และคณะกรรมการสภาทนายความชุดนี้จะไม่นิ่งดูดาย ซึ่งมองว่าการกระทำของทนายคนดังกล่าวเข้าข่ายผิดคดีมรรยาททนายความ แต่ก็จะต้องมีผู้ร้องเรียนเข้ามาเเละสอบข้อเท็จจริง ในส่วนที่คดีมีการฟ้องไปแล้วในศาลแต่กลับมีการนำเรื่องในสำนวนออกมาเผยแพร่จะมีความผิดอย่างอื่นหรือไม่ขอให้เป็นเรื่องของศาลยุติธรรม ทางสภาทนายความจะพิจารณาแต่ในเรื่องของคดีมรรยาท
สภาทนายฯรับช่วยเหลือเเพ่ง-อาญาคดีเด็ก 2 เดือน ถูก รพ.ในกระบี่เขียนฉลากยาผิด กินคารามายจนติดเชื้อ
นอกจากนี้ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช รองเลขาธิการสภาทนายความแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า มีคดีที่มีการร้องเข้ามาที่น่าสนใจคือคดีที่ น.ส.ขนิษฐา ยาเขียว แม่ของบุตรชายอายุ 2 เดือน พาลูกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ย.2565 มีอาการไข้ขึ้นตัวร้อน โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไวรัสผิวหนัง มีผื่นขึ้นตามตัวเนื่องจากแพ้แพมเพิสบริเวณอัณฑะ ก่อนจ่ายยาลดไข้ ยาลดน้ำมูกและยาน้ำคารามายสำหรับทาแก้ผื่นคัน แต่ฉลากยากลับระบุว่าให้รับประทานคารามาย ผลคือลูกถ่ายเหลวหลายครั้งและอาเจียน จึงพาลูกไปรักษาตัว แต่อาการยังไม่ดีขึ้นจนต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอีกถึง 2 แห่ง ระหว่างวันที่ 12-21 ธ.ค.2565 เป็นเวลาเกือบ 20 วัน ก่อนพบว่ามีอาการติดเชื้อราในกระแสเลือดและเป็นเบาจืดจากการรักษาตัวเป็นเวลานาน โดยหลังเกิดเรื่อง โรงพยาบาลแห่งแรกได้ให้เงินเยียวยา 2 ครั้ง รวม 75,000 บาท แต่เนื่องจากครอบครัวผู้เสียหายมีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรที่สูง จึงได้ส่งสภาทนายความภาค 8 เข้าให้การช่วยเหลือทางกฎหมาย หากเข้าข่ายความประมาท ผู้จ่ายยาต้องมีความผิดทางอาญาในส่วนทางแพ่งซึ่งโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นโรงพยาบาลรัฐก็ต้องไปดูว่าเป็นการละเมิดขนาดใด ซึ่งทาง สปสช.ก็มีส่วนที่จะต้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ เเละดูลักษณะคดี กระทรวงสาธารณสุขเองก็ต้องมีส่วนรับผิดอย่างที่เคยมีคดีตัวอย่างมาเเล้ว
ทางสภาทนายความฯเมื่อช่วยเหลือก็จะเข้าไปดูแลในส่วนสิทธิประโยชน์ มาตรการข้อหาที่จะดำเนินการ เพื่อให้ครอบครัวของผู้เสียหายได้รับการเยียวยาให้ได้มากที่สุด ส่วนการที่แม่ของเด็กรับการเยียวยาเบื้องต้นจะมีผลทำให้คดีถึงที่สุดลงในทางแพ่งหรือไม่นั้นเท่าที่ทร่บเป็นการเยียวยาเบื้องต้นเเม่ ของเด็กยังไม่ได้มีการเซ็นรับการเยียวยา จึงไม่น่าจะทำให้เสียสิทธิ์เรียกร้องในส่วนที่เหลือ แต่ถึงจะมีก็อย่าลืมว่าคดีนี้ผู้เสียหายอายุแค่2 เดือน มารดาของเด็กจะทำสัญญาประนอมยอมความ ไม่ได้เนื่องจากกฎหมายห้ามไว้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความฯ กล่าวว่า ตนเคยเข้าไปเป็นกรรมการ สปสช.ได้ทราบว่า คดีที่เกิดจากความประมาทของโรงพยาบาลหรือบุคลากรมีมาแล้วหลายคดี ทาง สปสช. ก็มีมาตรการในการเยียวยา 400,000 บาท ในกรณีที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัสและลดหลั่นลงมาตามอาการ ตรงนี้คุณแม่ของผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือจาก
สปสช.ได้
สภาทนายฯ รับเรื่อง เซลส์เเมน ร้องถูกปลอมเอกสารเป็นกรรมการบริษัทเป็นเหตุโดนคดีเลี่ยงภาษี พบชื่อกรรมการคนเดิมเป็นเสี่ยรถหรูที่เป็นข่าวดังเกิดอุบัติเหตุ
วันเดียวกัน นายวีรศักดิ์ โชติวานิช รองเลขาธิการสภาทนายความแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นายจิรภาส งามจักรกฤษ เซลส์ขายรถยนต์นำเข้า ถูกปลอมเอกสารให้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัทขายรถหรู ก่อนถูกตำรวจ บก.ปอศ.จับดำเนินคดีฐานหลบเลี่ยงภาษีสรรพากร แล้วประกันตัวออกมาสู้คดีเอง ซึ่งคดีนี้ผู้เสียหายระบุว่า ตนเริ่มทำงานเป็นเซลล์ที่บริษัทแห่งนี้ระหว่างปี 2552-2556 ก่อนถูกจ้างให้ออกโดยไม่ได้ทำบันทึกใดๆ รวมถึงเขียนใบลาออก และไม่ได้เงินชดเชย ซึ่งระหว่างการทำงาน บริษัทแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อ และตั้งบริษัทเพิ่มอีก 2 แห่ง
นายวีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อปี 2564 ผู้เสียหายถูกตำรวจจับกุม โดยตำรวจแจ้งว่าเมื่อปี 2554 ผู้เสียหายมีชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งจดทะเบียนบริษัทเมื่อปี 2552 โดยบริษัทแห่งนี้ มีชื่อของเสี่ยรถหรูที่มีคดีขับรถชนเร็วๆนี้ ปรากฎเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท ซึ่งผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลที่ปลอมแปลงเอกสารคือกรรมการบริษัทและฝ่ายบัญชีของที่ทำงานเก่า ออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้ เนื่องจากเคยมอบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านที่เซ็นสำเนาถูกต้องไว้ โดยไม่ได้คาดข้อความไว้ จึงนำเรื่องมาขอความช่วยเหลือจากทางสภาทนายความ โดยสภาทนายความจะทำการพิจารณาช่วยเหลือทางกฎหมายคดีดังกล่าวต่อไป
นายกสภาทนายความเป็นห่วงภาพลักษณ์ประเทศปมสาวไต้หวันถูกรีด ชี้ ต้องรีบทำความจริงให้กระจ่าง
นอกจากนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทยฯ ให้ความเห็นกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวกรณีสาวไต้หวัน โพสต์แฉว่าถูกรีดเงิน 27,000 บาทแลกกับการปล่อยจากจุดตรวจสกัดบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีน พื้นที่ สน.ห้วยขวาง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ
ในฐานะที่เป็นประชาชน การท่องเที่ยวเป็นอะไรที่ประชาชนทุกคนควรให้การส่งเสริม เมื่อมันเกิดเหตุการที่ไม่ดีไม่งามไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็แล้วแต่ตนคิดว่ามันนำมาซึ่งความเสียหายแก่ชื่อเสียงประเทศไทยอย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีหน่วยงานที่ดูแลแล้วส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่เป็นห่วงและต้องการจะให้มีข้อยุติโดยเร็วว่าความจริงมันคืออะไร เป็นไปตามที่กล่าวหากันหรือไม่ ตนคิดว่าหน่วยงานหรือบุคคลควรแสวงหาข้อเท็จจริงและขอให้ข้อเท็จจริงยุติด้วยความเป็นจริง เพื่อที่จะได้เกิดความกระจ่างแก่สังคมให้หายเคลือบแคลงสงสัยเพราะว่าการปล่อยเรื่องออกไปมันจะทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเสียหายมายิ่งขึ้นยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งหายเสียหายมากอันนี้ก็ด้วยความเป็นห่วง
กรณีนี้หากมีผู้เสียหายโดยตรงแม้หากเป็นชาวต่างชาติทางสภาทนายความก็ยินดีให้ความช่วยเหลือในด้านกฎหมาย ส่วนที่จะถูกนำไปเปรียบเทียบคดี หมวยโซที่กุเรื่องถูกคนขับรถสามล้อข่มขืน หรือไม่นั้น อยู่ที่ข้อเท็จจริง ที่มันอาจจะมีหลายมิติ มิติหนึ่งที่ตั้งใจทำให้ประเทศไทยเสียหาย อีกมิติหนึ่งคือคนของเราไปทำให้เกิดความเสียหายจริงๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้นทั้งนี้ก็อยู่ในข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง อันนี้จึงจำเป็นต้องหาข้อเท็จจริงยุติให้เร็วที่สุด