ศาลอาญานัดตรวจหลักฐานคดีหลานอดีตรัฐมนตรีข่มขืน อัยการโจทก์แถลงนำพยานเข้าสืบ 9 ปาก ใช้เวลา 2 นัดครึ่ง ด้านผู้เสียหายขอเป็นโจทก์ร่วม ส่วนจำเลยแถลงขอสืบพยาน 3 ปาก ใช้เวลาครึ่งนัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตนัดสืบพยานครั้งแรก 13 ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิดิศร์ อินทุลักษณ์ เป็นจําเลยความผิดในฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ ข่มเหง คุกคาม โดยกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ,278, 397
จากกรณีที่นายอภิดิศร์ ติดต่อว่าจ้างให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นดารานักเเสดงสาว รีวิวสินค้า เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เเละมีการล่วงละเมิดทางเพศ เหตุเกิดเมื่อวันที่วันที่ 9 ส.ค. ห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง
โดยนัดพร้อมประชุมคดีสอบคำให้การ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดนัดสืบพยานวันนี้ พนักงานอัยการโจทก์ นายอภิดิศร์ จำเลยพร้อมทนายความจำเลย ผู้เสียหายพร้อมทนายความ มาศาล โดยผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ได้
ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยยืนยันให้การปฏิเสธ ตามคำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลฉบับลงวันที่ 28 พ.ย.2565
จากนั้นทนายความจำเลยแถลงว่า จำเลยมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายในวันเกิดเหตุจริง แต่ผู้เสียหายยินยอม ไม่ได้เกิดจากการข่มขืนกระทำชำเราใช้กำลังประทุษร้ายแต่อย่างใด ศาลจึงบันทึกไว้เป็นแนวทางการต่อสู้คดีของจำเลย
อัยการโจทก์แถลงว่า ขอส่งพยานเอกสารรวม 24 ฉบับ ทนายความโจทก์ร่วมแถลงขอส่งพยานเอกสาร จำนวน 7 ฉบับ
ส่วนทนายความจำเลยแถลงว่า ไม่มีพยานเอกสารในวันนี้ จะส่งพยานเอกสารต่อศาลภายใน 30 วันศาลสอบถามอัยการโจทก์แล้วไม่ค้าน
แต่โจทก์ร่วมแถลงคัดค้านว่า หากให้เวลาจำเลยส่งพยานเอกสาร ฝ่ายจำเลยจะไปทำพยานเอกสารเท็จมาส่งเป็นพยานต่อศาล
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า สมควรให้โอกาสฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ตามสิทธิ ของจำเลย จึงอนุญาตให้จำเลยส่งพยานเอกสารต่อศาลได้ภายใน 30 วัน หากไม่ส่งถือว่าไม่ติดใจ
อัยการโจทก์แถลง ขอสืบพยานบุคคลจำนวน 9 ปาก ประกอบด้วย ผู้เสียหาย,ผู้ที่ไปติดตามผู้เสียหายในที่เกิดเหตุ ,ผู้ที่สนทนาทางโปรแกรมไลน์กับผู้เสียหายเกี่ยวกับจำเลย , เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งไปติดตามตัวผู้เสียหายในที่เกิดเหตุ , พนักงานสอบสวนตรวจที่เกิดเหตุ ,เจ้าพนักงานตำรวจผู้สืบสวนคดีนี้, แพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้เสียหายซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับสารหรือยาที่ใช้มอมเมาผู้เสียหาย โดยขอใช้เวลา 2 นัดครึ่ง ขณะที่ทนายโจทก์ร่วมแถลงไม่ประสงค์จะสืบพยานบุคคลเพิ่มเติม โดยจะขอใช้พยานหลักฐานร่วมกับฝ่ายโจทก์
ส่วนทนายความจำเลยแถลง ขอสืบพยานบุคคล 3 ปากได้แก่ ตัวจำเลย,พนักงานที่ทำงานในร้านขายยา และผู้จัดการโรงแรมที่เกิดเหตุ ขอใช้เวลาครึ่งนัด
ศาลพิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้สืบพยานโจทก์จำนวน 2 นัดครึ่ง และนัดสืบพยานจำเลยจำนวนครึ่งนัด กำชับให้โจทก์และจำเลย เตรียมพยานให้พร้อมสืบในวันนัด
โดยกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ปากเเรกวันที่ 13 ธ.ค.เเละสืบต่อเนื่องจนถึง 15 ธ.ค.2566 ก่อนนัดฟังคำพิพากษาต่อไป