MGR Online - เลขาฯ ป.ป.ส. เผย เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานรวบกลุ่มลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านพัสดุ สั่งยกระดับสกัดกั้นโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ
วันนี้ (16 ม.ค.) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ป.ป.ส. ร่วมกับ สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฏร์ธานี, สภ.ทับปุด จ.พังงา และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับกุมกลุ่มลักลอบส่งยาเสพติดผ่านระบบขนส่งพัสดุอีก โดยตรวจยึดยาบ้า 9 กล่องเตรียมส่งภาคใต้ ก่อนขยายผลดักจับกุมผู้รับพัสดุ 2 จุด ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.พังงา จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่มารับพัสดุ 1 ราย ออกหมายจับอีก 3 ราย รวมยึดยาบ้า 24,762 เม็ด
นายวิชัย เผยว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดยาบ้าในกล่องพัสดุ 9 กล่อง รวมจำนวนยาบ้า 3,562 เม็ด ที่บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ จากการสืบสวนขยายผลทราบผู้นำพัสดุซุกซ่อนยาบ้ามาส่ง จำนวน 2 คน โดยทั้งสองมีพฤติการณ์จัดส่งยาบ้าอำพรางกับสินค้าออนไลน์ เจ้าหน้าที่จึงยึดยาบ้าทั้งหมด และรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับบุคคลทั้งสอง ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองได้จัดส่งยาบ้าบางส่วนผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ไปแล้ว จำนวน 2 กล่อง มีปลายทางอยู่ที่ จ.สุราษฏร์ธานีและ จ.พังงา จึงได้ประสานไปยังสำนักปราบปรามยาเสพติดภาคใต้ และ ป.ป.ส.ภ.8 เพื่อสืบสวนจับกุมกลุ่มขบวนการในพื้นที่
นายวิชัย เผยอีกว่า วันที่ 15 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังใน จุดรับพัสดุ 2 จุด คือ จุดที่ 1 พื้นที่ ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี และจุดที่ 2 พื้นที่ ต.ทับปุด อ.ทับปุด จ.พังงา โดยในจุดที่ 1 ที่ จ.สุราษฏร์ธานี สามารถจับกุม นายอภิวัฒน์ ชื่นสุวรรณ อายุ 32 ปี นักค้ายาเสพติดในพื้นที่ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 6,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในพัสดุไปรษณีย์ จำนวน 3 กล่อง นำตัว นายอภิวัฒน์ ตรวจค้นภายในบ้านพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในห้องน้ำอีก จำนวน 1,200 เม็ด และไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการตรวจยึดเงินสดและทองคำจำนวนหนึ่งของผู้ต้องหาไว้เพื่อทำการตรวจสอบ พร้อมซักถามขยายผลเครือข่ายและทรัพย์สินของผู้ต้องหารวมถึงของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อทำการยึดอายัดโดยเร่งด่วนต่อไป
“ในจุดที่ 2 จ.พังงา นักค้ายาเสพติดที่จะมารับแต่เกิดไหวตัวทัน จึงไม่มารับพัสดุ และหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงทำการเปิดกล่องพัสดุดังกล่าว พบยาบ้า จำนวน 14,000 เม็ด อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวน และพยานหลักฐานที่ปรากฏ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวนักค้ายาที่จะมารับยาเสพติดได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะเข้าทำการปิดล้อมจับกุม ยึดทรัพย์ต่อไป”
นายวิชัย กล่าวว่า เป็นนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้ยกระดับการสกัดกั้นการส่งยาเสพติดผ่านระบบขนส่งทั้งภายในและต่างประเทศ ทำให้มีผลการจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยผลการสกัดกั้นจับกุมคดีส่งยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์ในประเทศ ต.ค. 65 - ม.ค. 66 จำนวน 15 คดี ของกลาง ยาบ้า 2,472,773 เม็ด ไอซ์ 6.23 กก. คีตามีน 13.9 กก. ขณะที่ผลการสกัดกั้นจับกุมคดีส่งยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์ไปต่างประเทศ ผ่านโครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ท่าเรือ (Seaport Interdiction Task Force หรือ SITF) และ โครงการเครือข่ายหน่วยงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ณ ท่าอากาศยานสากล ในอาเซียน (ASEAN Airport Interdiction Task Force หรือ AITF) 61 คดี ของกลาง ยาบ้า 13,500 เม็ด เฮโรอีน 116 กก. ไอซ์ 142 กก. ยาอี 85,150 เม็ด โคเคน 8 กก.
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้เตือนไปถึง ผู้ที่ลักลอบรับส่งยาเสพติดผ่านระบบขนส่งพัสดุ ว่า หลักฐานการรับส่งพัสดุจะถูกเก็บบันทึก สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ฉะนั้นอย่าคิดว่ารับ-ส่งสำเร็จแล้วจะรอด หากจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ เจ้าหน้าที่จะขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องย้อนหลัง หากพบมีความเกี่ยวข้องเช่นเป็นผู้ส่ง จะถูกแจ้งการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษ อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ในกรณีให้ใช้ชื่อ-นามสกุล ในการรับส่งยาเสพติดผ่านพัสดุ แม้ไม่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดก็มีสิทธิจะถูกแจ้งข้อหาความผิดฐานสมคบกันฯเพื่อกระทำการความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดฯ
“ขอเตือนถึงสถานประกอบการรับส่งพัสดุไม่ว่าจะเป็นจุดใหญ่จุดย่อย ให้มีการตรวจสอบชื่อผู้ส่งให้รอบคอบ เพราะบางครั้งพบชื่อผู้ส่งเป็นชื่อปลอมหรือมีการให้ผู้อื่นมาส่งแทน แม้สามารถตรวจสอบในช่องทางอื่นได้แต่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพิ่มขึ้น โดยหากพบกรณีเช่นนี้สถานประกอบการขนส่งจะถูกปรับ และหากยังกระทำผิดซ้ำก็จะพิจารณาโทษทางอาญา หรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป”