อสส. เร่งตรวจสำนวนคดี “ตู้ห่าว” หลังรับสำนวนจากคณะพนักงานสอบสวน 2 หมื่นหน้า “โกศลวัฒน์” รองโฆษกเผย สามารถสั่งคดีทันตามกรอบกฎหมาย
วันนี้ (16 ม.ค.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้า คดีที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวกในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาอี, เฮโรอีน) อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของ ประชาชนทั่วไป, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำ ความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและยินยอมหรือ ปล่อยปละให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในสถานบริการ และมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ จำนวน 67 แฟ้มกว่า 20,000 หน้า ให้อัยการสูงสุดพิจารณาเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ภายหลังคณะพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนคดีดังกล่าว เเม้ติดวันหยุดวันที่ 14-15 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ก็เข้าทำงาน โดยได้เข้าร่วมตรวจพิจารณาสำนวนคดีตู้ห่าว กับ คณะทำงานของสำนักงานคดีอัยการสูงสุด ซึ่งคณะทำงานดังกล่าว แต่งตั้งโดย นายเสนีย์ ประภัสสรางกูร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด มีหน้าที่พิจารณาเสนอความเห็นคดีนอกราชอาณาจักร เพื่อประกอบการพิจารณา สั่งคดี ของอัยการสูงสุด โดยหากอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาขั้นตอนจึงจะส่งสำนวนคดีไปยังสำนักงานคดียาเสพติด เพื่อดำเนินการในชั้นศาลต่อไป
“เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดเดินทางไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดน่าน เมื่อเสร็จภารกิจบินกลับจากจังหวัดน่านถึงกรุงเทพฯ ก็รีบเข้ายังห้องทำงานของคณะทำงาน เพื่อร่วมตรวจสอบถามรายละเอียดและพยานหลักฐานตามสำนวนและในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาท่านก็เดินทางเข้ามาร่วมรับฟังและพิจารณาการทำงานของคณะทำงานอย่างใกล้ชิด โดยคณะทำงานได้รายงานความคืบหน้าของการตรวจสำนวน และแผนการทำงานที่จะเร่งรัดให้ทันตามกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและรับคำแนะนำจากท่านอัยการสูงสุด ในการบริหารงานคดีล่วงหน้าเพื่อความรอบคอบในการปฏิบัติงาน” รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุ