“ชูวิทย์” เผย ผู้บริหารระดับสูง ปปง.มีความสนิทสนม “ตู้ห่าว” เปิดช่องทางเอื้อประโยชน์ทุนจีนสีเทา เสนอให้ลาออกยกคณะ
วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่ โรงแรมเดอะเดวิส คอนเนอร์วิง สุขุมวิท นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ตั้งโต๊ะแถลงถึงความคืบหน้าในคดีนายทุนจีนทำธุรกิจสีเทา ที่มี นายตู้ห่าว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่เป็นตัวการหลักในการดําเนินธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ภายในประเทศไทย ว่า ตนเองเริ่มคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา จากการเก็บข้อมูลต่างๆ จนพบความผิดปกติ จากประเทศจีนที่ทางรัฐบาลจีนลงมือกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายอย่างเอาจริงเอาจัง และแน่นอนว่าประเทศจีนมีประชากรจํานวนมาก มีทั้งคนดีและไม่ดีหรือที่เรียกจีนเทา ซึ่งจีนเทาเหล่านี้ต่างกระจายหนีออกหาประเทศที่อ่อนแอในระบบราชการ เพื่อทําธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ อาทิ บ่อนการพนัน ยาเสพติด คอลเซนเตอร์ ซึ่งประเทศไทยคือประเทศหลักที่จีนเทาเหล่านี้ต้องการมาทําธุรกิจสีเทา
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ระบบราชการอ่อนแอก็ต้องยอมรับเพราะจีนเทาเหล่านี้เข้ามาได้ต้องผ่านด้านแรก ก็คือ ตม. ที่เปิดรั้วชาติรับคนเลวเข้าประเทศ และแน่นอนว่า เมื่อเข้ามาแล้วต้องซื้อบ้าน คอนโด ที่ดินกว่าพันไร่ อีกทั้งยังพากันหลอกจีนด้วยกันให้เข้ามาเที่ยว มาเสพยากัน ทําเหมือนประเทศไทยเป็นเสรีสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งมีอยู่หน่วยงานหนึ่งที่หายไปจากสารระบบทั้งที่ควรออกมาทํางานตั้งนานแล้ว นั่นก็คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ทั้งนี้ เหตุผลที่ ปปง. ไม่ออกมาเคลื่อนไหวหรือเรียกว่าหายไปจากสารระบบนั้น เป็นเพราะเดิมที่มีคนชื่อ ปิง เป็นเลขาธิการ ปปง. หลังเกษียณได้ขึ้นเป็นประธาน ปปง. หรือประธานบอร์ดบริหาร ซึ่งอิทธิพลของ นายปิง ยังมีอยู่เพราะแม้จะเกษียณไปแล้วแต่ห้องทํางานชั้น 3 ที่เคยเป็นสํานักงานเลขาฯ ถูกนายปิง ยึดไว้ ซึ่งห้องดังกล่าวได้ถูกใช้เป็นสถานที่นัดพบเพื่อสังสรรค์กันระหว่าง นายปิง กับนายตู้ห่าวและกลุ่มจีนสีเทา
โดยมีเจ้าหน้าที่นํ้าดีที่ทนเห็นนายตู้ห่าว เดินขึ้นลงเป็นว่าเล่นไม่ไหว จึงได้นําคลิปวงจรปิดจากกล้อง ซีซีทีวี มามอบให้ตน จนได้เห็นความจริงว่านายตู้ห่าว มีการเดินทางมายังห้องทํางานดังกล่าวจริงพร้อมหิ้วขวดไวน์ขึ้นไปกินเป็นประจํา นี้จึงแสดงให้เห็นแล้วว่านายตู้ห่าวกับนายปิง ประธานบอร์ดบริหาร ปปง. มีความสนิทสนมกันขนาดไหน ตนเองจึงขอเรียกหน่วยงานนี้ว่า ปิด-ปิง-เงิน
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยหลักฐานสำคัญ คือ พบสติกเกอร์ตราโล่ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดยมีชื่อ นายปิง ติดบนรถตู้ของนายหลิงหลง เครือข่ายกลุ่มธุรกิจทุนจีนสีเทา ซึ่งมองว่า เป็นการกระทําที่ไม่เหมาะสม จึงเสนอให้ ปปง. ลาออกยกคณะ หากไม่ออกตนเองจะนําข้อมูลที่มีอยู่มาแฉให้หมดจนไม่มีที่ยืนในประเทศไทย
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยืนยันว่า จะเสนอตัวเองต่ออัยการสูงสุดเพื่อสอบปากคําในฐานะพยานผู้ชี้เบาะแสทั้งหมดของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ