ทนายนินู พานักธุรกิจสาว แจ้งความตำรวจ สภ.ไทรน้อย ถูกเพื่อนบ้าน จ่าทหารเรือ กร่างด่ากราด-ขู่ยิง ลุงวัย 73 ปี ป่วยหูหนวก หลังไม่พอใจ มีปัญหากับมารดา ซ้ำเคาะกระจกหาเรื่องลูกสาวคู่กรณี
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 11 ธ.ค. 65 น.ส.ธนิดา แจ้งจำรัส หรือ ทนายนินู ทนายความ พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐ์ชรินทร์ จตุทิพย์ภูสิน อายุ 39 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว นางสาวมยุรี เผ่ากันหา อายุ 39 ปี อาชีพเเม่ค้าขายอาหาร เดินทางไปที่ สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพื่อเข้าแจ้งกับ พ.ต.ท.สมอาจ หมั่นอุตส่าห์ สารวัตรสอบสวน สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี กรณีถูกเพื่อนบ้านซึ่งเป็นทหารยศจ่า อายุประมาณ 30 ปี สังกัดกองทัพเรือ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และพูดจาข่มขู่จะทำร้ายร่างกายมาเป็นเวลานานเกือบ 1 ปี ทำเพื่อนบ้านใกล้เคียงหวาดกลัว เกรงจะได้รับอันตราย ขณะที่บางรายกลัวถึงขั้นย้ายบ้านหนี เหตุเกิดภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านอำเภอไทรน้อย จ.นนทบุรี
นางสาวมยุรี เผ่ากันหา อายุ 39 ปี อาชีพเเม่ค้าขายอาหาร หนึ่งในผู้เสียหาย ที่เคยได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า เคสของตนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 65 ตอนนั้นตนยังอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเดียวกันกับจ่าทหารคนดังกล่าว วันเกิดเหตุตนเดินผ่านหน้าบ้านเขา เพื่อที่จะไปร้านขายของชำ จากนั้นเขาก็ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายและข่มขู่ ตนก็งงว่า ทำไมต้องมาด่ากันขนาดนี้ ซึ่งวันเกิดเรื่องตนได้แจ้งความไปแล้ว ตำรวจก็เข้าไปเจรจากับจ่าทหาร
สักพักเขาก็สงบลง พอตำรวจกลับ เขาก็เปิดฉากด่าต่อ เป็นแบบนี้มานาน ตนจึงตัดสินใจย้ายออกจากหมู่บ้าน เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตนเองและครอบครัว ซึ่งตอนนี้บ้านของตนจะไม่มีคนอยู่ แต่ตนก็จะไปๆ มาๆ เพราะยังเป็นห่วงบ้านอยู่ วันนี้ตนเดินทางมาเป็นเพื่อนนางสาวณัฏฐ์ชรินทร์ ซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับตน ใครเดินผ่านหน้าบ้านเขาไม่ได้ จะพูดจาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย และข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย บางวันถึงขั้นขู่ว่าจะเอาปืนมายิง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่าเขาเกรี้ยวกราดเกินไป อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้เด็ดขาด เพราะปล่อยไว้เขาเป็นแบบนี้อาจจะไปทำอันตรายคนอื่นได้
นางสาวณัฏฐ์ชรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมด้วยทนายนินู มาแจ้งความกรณีถูกเพื่อนบ้านซึ่งเป็นทหารยศจ่า ข่มขู่คุกคาม ซึ่งก่อนหน้านี้ จ่าทหารคนดังกล่าวได้ไปคุกคามคุณพ่อ โดยสั่งห้ามไม่ให้คุณพ่อออกจากบ้าน สาเหตุมาจากเขาไม่ชอบขี้หน้าคุณพ่อ ถ้าเมื่อไหร่ที่เห็นคุณพ่อของตนนั่งอยู่หน้าบ้าน เขาก็จะตะโกนด่า บางครั้งก็ขู่ว่าจะเข้ามาเตะ ซึ่งคุณพ่อของตนไม่เคยมีเรื่องกับจ่าทหารคนนี้มาก่อนเลย แต่คุณพ่อของตนเคยมีปากเสียงกับแม่ของทหารคนนี้ แม่ของเขาก็เลยไปพูดว่าพ่อของตนไปด่าแม่เขา
ซึ่งเหตุการณ์ที่คุณพ่อของตนกับแม่ของเขาทะเลาะกัน เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด วันที่ 29 กันยายน เขาก็มาพูดจาหยาบคายและด่าทอเหมือนเดิม ซึ่งตนก็มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว วันที่ 8 ธันวาคม มาพูดจาข่มขู่พี่ชาย วันที่ 10 ธันวาคม มาด่าพ่อของตนและขู่ว่าจะยิงกราด ล่าสุด วันนี้ตนขับรถสวนทางกับเขา เมื่อเขาเห็นตน เขาก็ย้อนรถกลับมาแล้วเคาะกระจกรถเรียกให้ตนลงจากรถ แต่ตนไม่กล้าลง ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ตอนนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยของคุณพ่อมาก พ่ออายุ 73 ปีแล้ว และคุณพ่อเพิ่งจะผ่าตัดมา ยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำ อยากจะฝากถึงต้นสังกัดหรือผู้บังคับบัญชา ขอให้ช่วยดูแลพฤติกรรมของจ่าทหารคนนี้ อย่าให้เขาเข้ามาคุกคามครอบครัวของตนอีก และขอให้หยุดการกระทำแบบนี้ด้วย
นายไชยวัฒน์ จตุทิพย์ภูสิน อายุ 49 ปี พี่ชายผู้เสียหาย กล่าวทั้งน้ำตา ว่า ก่อนหน้านี้ ตนไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์อะไร แต่ 2 ครั้งในคลิป วันนี้พ่อตนไปตากผ้าหน้าบ้าน ลูกสาวตนไลน์มาบอกว่าแม่ของทหาร อยู่หน้าบ้าน ตนอาบน้ำอยู่ไม่ได้อ่านไลน์ พอตนลงมาเห็นพ่อยกตะกร้าผ้า ใส่ไม้แขวนเสื้อออกมา ตนเลยแย่งตะกร้าผ้ากับไม้แขวนแล้วมาตากผ้าเอง ไม่อยากให้พ่อออกมาจากบ้าน เดี๋ยวทางแม่ทหารเห็น แล้วไปฟ้องลูก แต่ขณะที่ตนตากผ้าอยู่พ่อเดินออกมาจากบ้าน ตนไม่เห็นเดินออกไปหน้าบ้านแป๊บนึงแล้วเดินมานั่ง ทางทหารเลิกงานมารู้เรื่อง เลยมาด่าหน้าบ้านตามคลิป เขาเคยมาบอกน้องสาวของตนว่าให้เก็บพ่อมึงไว้ในบ้าน เขาจะไม่ให้พ่อของตนเดินออกมาเจอหน้าแม่เขา ถ้าเจอหน้าเขาจะโทร.ไปบอกลูกเขากลับมาจากทำงาน เขาก็จะมาด่า ส่วนเรื่องที่เขาโกรธพ่อตนครั้งแรกนานแล้ว เขาอ้างว่าพ่อของตนไปด่าแม่เขาว่าอีดอก
แต่เขาไม่มีหลักฐาน พ่อของตนก็บอกว่าไม่ได้ด่า และไม่ได้ทำอะไรเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็มีปัญหามาตลอด วันเกิดเหตุที่มีการด่าว่าอีดอก ทางประธานหมู่บ้านได้เรียกมาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ทางครอบครัวของตนตัดปัญหา เลยให้ทางพ่อขอโทษ มันจะได้จบ หลังจากพ่อของตนขอโทษ เขาบอกกับน้องสาวตนว่าต่อไปนี้เก็บพ่อมึงไว้ในบ้านไม่ต้องให้ออกมาเดินนอกบ้าน ไม่ต้องออกมาให้เจอหน้า ตอนที่บอกว่าไม่ให้ออกมาเจอหน้าแล้วเคลียร์กันเป็นเดือน ทุกวันนี้แม่ของทหารออกมาแอบดูทุกวัน ว่า พ่อของตนออกมาจากบ้านหรือเปล่า ถ้าออกมาเมื่อไหร่ก็จะไปฟ้องลูก แล้วลูกก็จะมาด่าทุกครั้ง ตนรู้สึกแย่มาก ต้องมาให้คนอื่นมายืนด่าพ่อต่อหน้า ตนเห็นเขาเป็นทหารเลยไม่อยากมีปัญหาด้วย พยายามใจเย็นให้มากที่สุด ตอนนี้ตนอยากให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาวุ่นวายกับครอบครัว ไม่ว่าจะทางใด ไม่มีการด่าและไม่มาหาเรื่องพ่อของตนจะไปไหนมาไหนก็ได้
ทางด้าน ทนายนินู กล่าวว่า ผู้เสียหายได้นำเรื่องมาร้องเรียนตน ในกรณีจ่าทหารนายนี้ได้ข่มขู่คุณพ่อของผู้เสียหายที่อายุ 73 ปี มีโรคประจำตัว คือ หูตึง และไม่สามารถเดินหรือพยุงตัวได้ วันนี้ตนจึงพาผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ไทรน้อย เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณพ่อและคนในบ้าน โดยวันนี้ก็ได้นำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่มีพฤติกรรมของทหารนายนี้ มีทั้งเรื่องข่มขู่ รวมถึงเสียงด่าทอที่ทำให้เสียหาย ตนจึงอยากฝากว่าจะเก่งยังไง ก็ต้องนึกถึงสิ่งที่ตามมาด้วย อำนาจของคุณไม่มีล้นเหลือ บ้านเมืองมีกฎหมาย ดังนั้น ในทางคดีตนก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ในเบื้องต้นจากที่ดูหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พฤติกรรมของจ่าทหารคนดังกล่าว เข้าข่ายฐานความผิด คือ ข่มขู่ ในมาตรา 329 อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ตนจะแจ้งเรื่องไปยังต้นสังกัดของทหารนายนี้ ให้ดูแลควบคุมพฤติกรรมอย่างเคร่งครัด เพราะการทำพฤติกรรมแบบนี้เป็นภัยต่อสังคม หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ ก็อาจทำให้เกิดเหตุการร้ายแรงกว่านี้ขึ้นได้