ป.ออกหมายเรียก “สันธนะ” มาพบเพื่อนำส่งฟ้องอัยการ คดีหมิ่น “มือปราบหูดำ”

MGR Online - กองปราบออกหมายเรียก “สันธนะ” มาพบ เพื่อสรุปสำนวนคดีหมิ่นประมาท กล่าวหา “มือปราบหูดำ” เป็นเจ้าของบ่อน เพื่อนำตัวส่งฟ้องอัยการต่อไป

วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม มีรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้ออกหมายเรียกให้ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ มาพบที่ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี ในวันนี้ เพื่อนำตัวส่งฟ้อง พร้อมสำนวนคดีที่เจ้าตัวนั้นถูก พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ แจ้งเอาผิด ในข้อหา “หมิ่นประมาท” จากกรณีที่ นายสันธนะ เคยทำหนังสือถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล ในลักษณะกล่าวหาพาดพิง พล.ต.ต.วิชัย ว่า เป็นผู้คุมบ่อนการพนันย่านมีนบุรี และย่านลำหิน จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เนื่องจากสำนวนคดีดังกล่าวยังคงต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม จึงยังไม่สามารถส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมตัวผู้ต้องหาให้กับอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ในวันนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. จะมีการออกหมายเรียกนายสันธนะ ให้มาเข้าพบอีกครั้ง เพื่อสรุปสำนวนคดีนำตัวส่งฟ้องต่ออัยการต่อไป

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 64 พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงพาณิชย์ อดีตนายตำรวจคนดังเจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เสวก บุญจันทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์จากบ่อนการพนันย่านมีนบุรี

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสันธนะ เข้าร้องเรียนตนต่อ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.กล่าวหาว่า รับผลประโยชน์จากบ่อนการพนันแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี ซึ่งไม่เป็นความจริง และขอยืนยันว่า ส่วนตัวไม่รู้จักและไม่เคยพูดคุยกับ นายสันธนะ แต่อย่างใด รวมทั้งปัจจุบันก็ไม่ค่อยรู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยุคสมัยนี้ด้วย เพราะเกษียณอายุราชการมานานแล้ว ซึ่งตนเคยลงสมัครรับเลือกตั้งทางการเมือง จึงไม่มีทางที่จะไปทำเรื่องที่ไม่ดี

“เรื่องที่ใส่ร้ายผม จะไม่มีการเจรจา หรือมีการให้มาขอโทษแต่อย่างใด นอกจากนี้ ก็เตรียมฟ้องคดีทางศาลแพ่งด้วย โดยจะเรียกเงินค่าเสียหายอีก 50 ล้านบาท ฐานทําให้เสื่อมเสียชื่อเสียง” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว

ต่อมา นายสันธนะ ได้เดินทางมายังกองปราบปราม หลังทราบว่า ถูก พล.ต.ต.วิชัย แจ้งความดำเนินคดี โดย นายสันธนะ กล่าวว่า ที่ต้องเดินทางมาอย่างเร่งด่วน เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้กล่าวหา พร้อมโชว์หนังสือร้องเรียน ให้สื่อดูว่า ตามข้อความในหนังสือ ไม่ได้มีการระบุชื่อใครแต่อย่างใด ไม่เข้าใจว่าจะร้อนตัวทำไม
และที่เดินทางมาในวันนี้ เพื่อให้พนักงานสอบสวนไม่ต้องทำงานหนัก จึงมาแสดงตัวพร้อมให้ปากคำ และแสดงเอกสารหลักฐานที่มีการอ้างถึง เพื่อความชัดเจน และต่อจากนี้ตนจะเดินทางไป สน.พหลโยธิน เพื่อแจ้งความเอาผิด พล.ต.ต.วิชัย ฐานหมิ่นประมาทเช่นกัน

ขณะที่บรรยากาศเมื่อทั้งสองเดินทางมาเจอกัน นายสันธนะ ได้พยายามจะเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนที่ พล.ต.ต.วิชัย นั่งรอเอกสารอยู่ แต่เจ้าที่ตำรวจกองปราบมาช่วยกันไว้ นายสันธนะ จึงแค่ถามว่า “ไม่เคยคุยกันจริงๆ หรือ ไม่รู้จักกันจริงๆ หรือ” ขณะที่ทาง พล.ต.ต.วิชัย นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้า พร้อมมองมาที่ นายสันธนะ โดยไม่ได้ตอบโต้อะไร ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะมีการแยกทั้งสองออกจากกัน โดยการพาตัว พล.ต.ต.วิชัย ไปสอบปากคำอีกห้องหนึ่ง ก่อนที่ในเวลาต่อมา พล.ต.ต.วิชัย จะเดินทางกลับโดยไม่ได้มีการพูดคุยกับ นายสันธนะ แต่อย่างใด