MGR Online - “รมว.ยุติธรรม” แถลงชุดพาลีปราบยา อายัดทรัพย์เครือข่าย “ตู้ห่าว” ทั้งรีสอร์ตหรู-รถยนต์ ขอประชาชนร่วมแจ้งเบาะแส ด้าน “ชูวิทย์” เริ่มไม่เชื่อ ตร. ทำงานหลังไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินด้วย ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานคดียาเสพติด
วันนี้ (9 ธ.ค.) เวลา 11.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แถลงผลการยึดอายัดทรัพย์คดี “ตู้ห่าว” เพิ่มเติม โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบ.ปส., นายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด และ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พลเมืองดีผู้แจ้งเบาะแสยาเสพติด ร่วมแถลง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลที่นายชูวิทย์ได้นำมามอบให้ ประกอบกับการทำงานของ คณะทำงานพาลีปราบยา ล่าสุด วันนี้ ในช่วงเช้า ชุดพาลีปราบยา ได้ยึดอายัดเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริษัท ดีวาลักซ์ รีสอร์ทแอนด์สปา จำกัด ซึ่งมีชื่อของนายตู้ห่าว เป็นผู้ถือหุ้น เปิดเป็นรีสอร์ต ตั้งอยู่ที่ บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งแบ่งเป็นโฉนดที่ดิน 5 แปลง รวมประมาณ 39 ไร่ และอาคาร 9 ตึก 375 ห้องแต่ละห้องตกแต่งอย่างหรู และยังได้อายัดรถยนต์หรู 9 คัน อาทิ เบนท์ลีย์ คอนติเนนทัล จีที โตโยต้า อัลพาร์ท รวมมูลค่าทรัพย์ทั้งสิ้น 3,020 ล้านบาทเศษ ต้องขอขอบคุณ กรมที่ดิน และ กรมการขนส่งทางบก ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้งานเร็วขึ้น ซึ่งในส่วนนี้เป็นคนละส่วนกับที่ทาง ป.ป.ส. ยึด 1,131 ล้านบาท ที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 65
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การบูรณาการของทุกหน่วยงานราบรื่นดี ไม่มีอะไรที่ติดขัด หรือขัดแย้งกัน ทุกหน่วยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันสืบสวนสอบสวน ทั้ง ตำรวจ ป.ป.ส. ดีเอสไอ ปปง. และกรมสรรพากร ซึ่งตนอยากให้ประชาชนที่รู้เบาะแสแจ้งข้อมูลเพื่อรับรางวัล 5% และไม่ต้องกังวล เพราะมีชุดคุ้มครองพยานของดีเอสไอ แต่หากยังกังวลก็ขอให้รออีกนิด เพราะเราได้จัดทำระบบการแจ้งเบาะแสในระบบออนไลน์ หรือ block chain ที่จะรับเงินรางวัลผ่านคริปโต ช่วยปกปิดตัวตนให้ผู้แจ้งปลอดภัย โดยขณะนี้กำลังให้ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ศึกษาและจัดทำระบบ คาดว่ าจะเสร็จในช่วงเดือน ม.ค. 66
“เราพยายามทำงานให้เร็วที่สุด เพราะยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ซึ่งหากใครมีเบาะแสหรือเห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ถูก ติดขัดตรงไหน ให้ท้วงติงมาได้เลย เรากำลังเดินให้เข้าถึงตัวการใหญ่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ ในส่วนของตำรวจ เราได้มีการประสานพูดคุยกันอยู่ตลอด แต่ยังไม่ได้สรุปเรื่องตัวเลข ขณะนี้เป็นการอายัดวันต่อวัน ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะชนะยาเสพติดไม่ได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นายชูวิทย์ ซึ่งมาร่วมการแถลงข่าววันนี้ ยืนยันย้ำว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเดินทางไปสำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อขอให้เร่งรัดทำคดีทุนจีนสีเทา ให้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อาชญากรรมข้ามชาติ เพราะยาเสพติดมีการติดฉลาก ตราประทับเป็นภาษาจีนชัดเจน ซึ่งเป็นคดีนอกราชอาณาจักรได้ โดยอัยการสูงสุดจะต้องเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เพราะตำรวจไม่มีความแม่นยำข้อกฎหมายเท่าอัยการ รวมทั้งจะร้องดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ หากคดีไม่มีความคืบหน้า
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการไม่แจ้งข้อหาฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานคดียาเสพติดกับนายตู้ห่าว ต้องไปสอบถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพราะเป็นส่วนสำคัญในการติดตามยึดอายัดทรัพย์เครือข่าย ถ้านายตู้ห่าวไม่ถูกตั้งข้อหาฟอกเงิน และ นางพัชรินทร์ ที่เป็นนอมินี มีเส้นทางการโอนเงินชัดเจนแต่ถูกกันไว้เป็นพยาน เลยไม่สามารถดำเนินคดีร่วมกันสมคบฟอกเงินไปด้วย
“ผมเริ่มไม่ค่อยมั่นใจในการทำงานของตำรวจ เเละเชื่อว่า ตั้งใจไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว เมื่อถึงชั้นศาลอาจทำให้หลุดคดีและในชั้นฎีกาอาจมีการยกฟ้องจนทำให้นายตู้ห่าวกลับมาไล่ฟ้องกลับได้ นอกจากนี้ ฝากถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เร่งปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ถ้ากวาดล้างได้สำเร็จ ถือเป็นผลงานรัฐบาล”
นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนที่ นายจ้าว เหว่ย ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษ ผู้ก่อตั้งอาณาจักรกาสิโนคิงส์โรมัน เชิญตนมาเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำนั้น ตนขอให้ นายจ้าว เหว่ย เดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยก่อน มาดูธุรกิจจีนเทา จากนั้นตนจะไปตามคำเชื้อเชิญ