“ทนายสมเกียรติ” ร้อง ปปง.เอาผิด “ลุงพล” รับบริจาคสร้างรูปปั้นพญานาคโอนเงินเข้าบัญชีคนใกล้ชิด

MGR Online - เลขานุการกรม ปปง. รับเรื่อง “ทนายสมเกียรติ” ตรวจสอบ “ลุงพล” เปิดรับบริจาคสร้างรูปปั้นพญานาค แต่โอนเงินไปบัญชีบุคคลใกล้ชิด เข้าข่ายความผิดฟอกเงิน

สืบเนื่องจากศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษา จำคุก นายไชยพล วิภา หรือ “ลุงพล” 2 ปี 3 เดือน ปรับเป็นเงิน 45,000 บาท ในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ สร้างรูปปั้นพญานาค ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ตามปรากฏเป็นข่าวนั้น

วันนี้ (2 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทนายสมเกียรติ โรจนวรกมล (อดีตทนายความลุงพล) พร้อมฝ่ายกฎหมาย เข้ายื่นหนังสือต่อ ร.ต.อ.ไพรัตน์ เทศพานิช เลขานุการกรม รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในฐานะโฆษก ปปง. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ นายไชยพล วิภา หรือ “ลุงพล” มูลฐานความผิดการฟอกเงิน ที่ได้จากการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อสร้างรูปปั้นพญานาค

ทนายสมเกียรติ เปิดเผยว่า จากกรณี นายไชยพล มีการเปิดรับบริจาคจากประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างรูปปูนปั้นพญานาคให้เป็นสถานที่แห่งประโยชน์ของสาธารณะและเป็นการกุศล แต่ไปสร้างในที่ป่าสงวนฯ จึงถูกสั่งหยุดดำเนินการ แต่ปัญหาสำคัญ คือ เงินที่เปิดรับบริจาคนั้นยังไม่มีการเคลียร์ให้ชัดเจนไปทำอะไรและปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยที่มาของเงิน โดยพบว่ายังมีการยักย้ายถ่ายเทเงินไปใช้ในการส่วนตัว ตนจึงนำเอกสารมามอบให้ ปปง. ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเข้าข่ายมีความผิด ก็คงต้องมีการดำเนินการทางกฎหมาย

ทนายสมเกียรติ เผยต่อว่า ตนทราบว่า ในบัญชีเปิดรับบริจาคดังกล่าวมีเงินบริจาคจากประชาชน ประมาณ 1.3 ล้านบาท มีการโอนเงินไปบัญชีอื่น 2-3 บัญชี ประมาณ 800,000 บาท เป็นบุคคลใกล้ชิด เมื่อปี 2564 และล่าสุดก็มีการปิดบัญชีไปแล้ว จากหลักฐานเป็นการไลฟ์สดของเขาเอง แต่การสร้างรูปปั้นพญานาค พบว่า ใช้เงินไปจำนวนทั้งสิ้น 600,000 กว่าบาท ซึ่งเงินที่เหลือมีการเบิกถอนออกไปนั้น ไม่มีการชี้แจงว่านำเงินไปใช้อะไร ซึ่งคนที่มีอำนาจเบิกจ่ายตอบกลับมาว่า “อยากรู้ก็มาถามเอง” ตนมองว่าการพูดแบบนี้ไม่ถูกต้อง ในเมื่อเงินบริจาคมาจากพี่น้องประชาชนที่ร่วมช่วยกัน และวัตถุประสงค์ก็เพื่อสาธารณะ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะก่อนหน้านี้ก็ประกาศทำเพื่อสาธารณะ แต่วันนี้รูปปั้นพญานาคดังกล่าวถูกสั่งย้ายออกจากพื้นที่ป่าสงวนฯ และไปตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ซึ่งเป็นที่ดินส่วนตัวของนายไชยพล


ทนายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า คนที่มีอำนาจเบิกจ่าย มี 3 คน ซึ่งบุคคลคนเหล่านี้คงต้องมาชี้แจงกับ ปปง. ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร เพราะมีอำนาจในการเบิกจ่าย และต้องมาตอบว่าถอนเงินไปตอนไหน เอาไปใช้ทำอะไร ต้องชี้แจงให้ได้ทั้งหมด และทั้ง 3 คนนี้ ล้วนเป็นคนใกล้ชิด เป็นกลุ่มยูทูบเบอร์ นอกจากนี้ ตนได้พูดคุยกับผู้บริจาคทุกราย ตอนนี้อยู่ระหว่างให้ส่งหลักฐานเป็นสลิปโอนเงินบริจาค ถ้าพบมีความผิดจริงตามข้อมูลก็จะแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนเพิ่มเติม

“วันนี้ผมมาในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของชาวบ้าน มาในฐานะพลเมืองดี เมื่อเห็นความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เพราะมีการทำผิดกฎหมาย จึงประสงค์ขอให้ภาครัฐช่วยมาตรวจสอบ เพราะอาจจะเกิดการเปิดรับบริจาคไม่สิ้นสุด และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งผู้ใด แม้อดีตเคยเป็นทนายความให้เขา แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวจบลงแล้วไม่ค่อยดี เพราะมีไลฟ์สดตำหนิติเตียนว่าจ้างทนายความทำคดี ทำไมไม่ชนะ จ้างแล้วต้องชนะ แต่ในเมื่อศาลท่านพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิด ก็ต้องเคารพศาล แต่ยืนยันในฐานะทนายความ ก็ทำหน้าที่ในส่วนของทนายเต็มที่แล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้คุยหรือติดต่อกันแล้ว จบงานก็คือจบงาน”