ตำรวจปทุมฯตามรวบคนร้ายจี้งชิงทองร้านออโรร่าได้แล้ว ส่วนทองที่ชิงไปได้คืนมา 23 เส้น จากทอง 29 เส้น โดยผู้ต้องหาเอาทองไปจำนำไว้ 6 เส้น รับสารภาพหาเงินใช้หนี้
จากกรณีที่คนร้ายชิงทอง ร้านทองออโรร่า (ตรงข้ามตลาดเอซีคลองสี่) ริมถนนพระองค์เจ้าสาย หรือ ถนนไสวประชาราษฎร์ ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ที่ถาดโชว์ทองด้านบน ก่อนกวาดทองรูปพรรณ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท ไปจำนวน 29 เส้น รวมราคากว่า 870,000 กว่าบาท (แปดแสนเจ็ดหมื่นกว่าบาท) โดยกล้องวงจรปิดภายในร้าน จับภาพคนร้ายเอาไว้ได้ และเดินเข้าไปก่อเหตุ อย่างเลือดเย็น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเวลา 17.40 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 พ.ต.อ.มนัสเวท ทองอิ่ม ผกก.สภ.คูคต พร้อมด้วย พ.ต.ท.จิรพัฒน์ ศรีเดช รองผกก.สภ.คูคต, พ.ต.ท.กัณตภณ ธนาธิปปิ่นสกุล รอง ผกก.สส.สภ.คูคต, พ.ต.ท.กชกร ไทรศาศวัต สวป.สภ.คูคต, พ.ต.ท.ภัทระ เหล่ามีผล สว.สส.สภ.คูคต พร้อมกำลังตำรวจสืบสวน ภาค 1 และตำรวจชุดสืบสวน สภ.คูคต พร้อมด้วย ตำรวจสืบสวนภูธร จว.ปทุมธานี ได้บุกเข้าปิดล้อมบ้านพักหลังหนึ่ง ภายหลังสืบทราบว่า คนร้ายหลบซ่อนตัวบ้านพัก ภายในซอยมิตรไมตรี 36 แขวงคลองสามวา เขตคลองสามวาตะวันออก กรุงเทพฯ จึงเข้าจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอิสเรศ จิตรสิงห์ อายุ 39 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เดิมอยู่บ้านเลขที่ 88/213 หมู่ที่ 3 ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พร้อมของกลาง เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ 1 ชุด อาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่ม รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีแดง-ขาว หมายเลขทะเบียน สพต- 932 กรุงเทพฯ ที่ใช้ในการก่อเหตุ 1 คัน ส่วนทองรูปพรรณที่ชิงไป ได้พบเหลืออยู่จำนวน 23 เส้น (23บาท) จากทอง 29 เส้น (29 บาท) เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพ ได้เอาทองไปจำนำไว้โรงนับจำนำ ขณะหลบหนี จำนวน 6 เส้น ( 6 บาท) เงินไปใช้หนี้พนันส่วนตัว
ด้าน พ.ต.อ.มนัสเวท ทองอิ่ม ผกก.สภ.คูคต กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับกุมตัวคนร้ายเอาไว้ได้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุขึ้นทาง ผบ.ตร. และผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรภาค 1 ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้สั่งการให้ตามจับกุมคนร้ายให้ได้ โดยร่วมกับทาง ผบก.สส.ภ.1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสภ.คูคต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.1 ร่วมกันจับคนร้านเอาไว้ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหา และยึดรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่นำไปใช้ในการก่อเหตุเอาไว้ได้ ส่วนสร้อยคำทองคำ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้จำนวน 23 เส้น ส่วนอีก 6 เส้นนำไปจำนำ และเอาเงินไปใช้หนี้ส่วนตัว
สำหรับคนร้ายทำงานรับจ้างทั่วไป โดยเหตุจูงใจที่คนร้ายได้มาดูลาดเลาก่อน เห็นในร้านมีผู้หญิงอยู่แค่ 2 คน ซึ่งคนร้ายได้ถอดป้ายทะเบียนออก ก่อนก่อเหตุ เมื่อก่อเหตุเสร็จ ก็ใส่ป้ายทะเบียนกลับตามเดิม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ (มีด) โดยใช้ยานพาหะนะเพื่อสะดวกแก่การทำผิดหรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร และจากการสอบสวนนายอิศเรศ จิตรสิงห์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา และได้นำตัวทำประวัติก่อนควบคุมตัวเข้าห้องขัง