ทนายความ “พิ้งกี้-แม่” แถลงศาล ยันเป็นนักลงทุน ไม่เคยชักชวนใคร และไม่ได้รับผลตอบแทนลักษณะดังกล่าว ด้านอัยการแถลงขอสืบพยาน 100 กว่าปาก ใช้เวลา 30 นัด สืบพยานครั้งแรก 10 ส.ค.ปีหน้า
เมิ่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐาน และสอบคำให้การจำเลยคดีหมายเลขดำ อ.853/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง “พิ้งกี้ น.ส.สาวิกา ไชยเดช” นางเอกชื่อดัง “นางสรินยา ไชยเดช” มารดา และ “นายกิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช” พี่ชาย นายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหารแชร์ Forex 3D กับพวกรวม 24 เป็นจำเลย กรณีฉ้อโกงประชาชนคดีแชร์ Forex 3D มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท
โดยวันนี้ ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำในเวลา 10.30 น.
สำหรับบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี นายกิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช ได้ใส่กุญแจมือ มาพร้อมกับ นายอภิรักษ์ โกฎธิ ส่วน นางสรินยา ไชยเดช (มารดาของพิ้งกี้) เข้าไปโอบกอดลูกชาย และย้ายไปนั่งด้านข้างส่วน น.ส.สาวิกา มีหน้าตานิ่งเฉย เครียดเล็กน้อย และผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ญาติและเพื่อนของจำเลยรายอื่น ได้อยู่ในห้องพิจารณาคดีและเข้าไปพูดคุยให้กำลังใจกับจำเลย หลังจากทนายความพูดคุยเรื่องคดีเรียบร้อยแล้ว
อัยการโจทก์ได้แบ่งบัญชีรายชื่อเพื่อนัดสืบพยาน 6 กลุ่ม จำนวน 122 ปาก ใช้เวลาประมาณ 30 นัด แบ่งเป็น กลุ่มผู้กล่าวหา, บุคคลใกล้ชิด, ผู้เสียหาย, ผู้ได้รับว่าจ้างเปิดบัญชีม้า,เจ้าหน้าที่ และพยานอื่นๆ จากนั้นจำเลยทั้งหมด ร่วมหารือกับทนายความหลังจากที่อัยการได้มอบบัญชีรายชื่อพยานที่แน่ชัด ทางทนายจึงต้องพูดคุยเพื่อสอบถามความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับจำเลยเพื่อจะได้ดำเนินการนำสืบพยานในชั้นศาลต่อไป
ต่อมาเวลา 11.20 น. ศาลได้เริ่มสอบถามจำเลยมีทนายครบถ้วนหรือไม่ และทนายได้รับหนังสือ บัญชีรายชื่อ พยาน จากทางอัยการครบหรือไม่
จากนั้น ทนายความได้แถลงแนวทางต่อสู้คดีซึ่งทนายความของจำเลยที่ 1 และ 2 ได้แถลง ตอนนี้ว่าได้ว่าจ้างให้โบรกเกอร์ของต่างประเทศให้หาเงินจากผลการลงทุนนำมาชดใช้ให้กับผู้เสียหาย
ด้านทนายความของจำเลยที่ 3, 4 และ 5 ได้แถลงว่า จำเลยมีการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายเงินตราต่างประเทศจริง แต่จำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาและขอนัดสืบพยานในกลุ่มนักลงทุนและโปรแกรมเมอร์เพิ่มเติมจากที่อัยการเสนอรายชื่อ
ทนายความของจำเลยที่ 6 แถลงว่า มีรายชื่อเป็นกรรมการในบริษัทของจำเลยที่ 2 จริงแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารบริษัท
ส่วนทนายความของ น.ส.สาวิกา จำเลยที่ นางสรินยา มารดา “พิ้งกี้” และ จำเลยที่ 8 ได้แถลงร่วมกันว่า จำเลยที่ 7 และ 8 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของจำเลยที่ 2 และ 3 ไม่เคยมีการชักชวนหรือแนะนำใครมาร่วมลงทุนดังกล่าว จำเลยที่ 7 และ 8 ยืนยันว่า เป็นเพียงนักลงทุนที่ได้รับเงินจากจำเลยที่ 2 และ 3 เป็นผลตอบแทนจากการลงทุนเท่านั้นไม่เคยได้รับประโยชน์ผิดแปลกแตกต่างจากปกติหรือได้รับผลตอบแทนจากคำแนะนำในการเชิญชวนผู้อื่น และขอนัดสืบพยาน ผู้ที่มาขอร่วมลงทุนด้วยตัวเองโดยพวกตนไม่ได้มีการชักชวน
ทนายจำเลยที่ 9 แถลงแนวทางต่อสู้คดีโดยระบุว่าจำเลยที่ 9 เป็นเพียงพนักงานบริษัทของจำเลยที่ 2 ได้กระทำตามหน้าที่และทำตามคำสั่งของผู้บริหารและกรรมการบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดตามฟ้องส่วนเงินที่ผ่านบัญชีของจำเลยที่ 9 เป็นเพียงเงินที่ได้นำไปใช้ในการบริหารงานของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยไม่ได้รับผลประโยชน์อื่นใดนอกจากเงินเดือน
ทนายจำเลยที่ 10-15 แถลงแนวทางต่อสู้คดีโดยระบุว่าเป็น จำเลยเป็นลูกจ้างและพนักงานบริษัททำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ทนายจำเลยที่ 16 ,18 ,19 และ 24 แถลงว่า จำเลยที่ 16 เป็นผู้รับจ้างออกแบบเว็บไซต์ให้จำเลยที่ 2 และเป็นนักลงทุนคนหนึ่งไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 18 19 และ 24 แถลงว่าเป็นบุคคลในครอบครัวของจำเลยที่ 1 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการของจำเลยที่ 2 และไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ทนายจำเลยที่ 17 แถลงว่า จำเลยที่ 17เป็นตัวแทนขายอาหารเสริมให้กับจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ลงทุนกับบริษัทของจำเลยที่ 2 ไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องในการชักชวนผู้เสียหายให้มาลงทุน ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ทนายจำเลยที่ 20 แถลงว่า จำเลยที่ 20 ไม่ได้ทำงานในบริษัทของจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 1 เป็นประธานมูลนิธิโดยจำเลยที่ 20 ทำงานอยู่ในมูลนิธิและได้รับคำสั่งโดยตรงจากผอมูลนิธิซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้สอบปากคำพนักงานในมูลนิธิทุกคนแล้วพนักงานทุกคนไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่จำเลยที่ 20 ได้รับการโอนเงินโดยตรงจากบริษัทของจำเลยที่ 2 เพียงแค่ 3-4 ครั้งเพื่อนำมาจ่ายเงินให้กับพนักงานของมูลนิธิโดยไม่มีส่วนรู้เห็นในการชักชวนให้มาลงทุนไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ทนายความจำเลยที่ 21 แถลงว่าจำเลยที่ 21 ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำผิดโดยเงินที่ได้มานั้นไม่ทราบว่าได้มาจากการกระทำความผิดโดย จำเลยที่ 21 อ้างบัญชีพยาน เป็น นายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง นักแสดงและนายแบบ มาเป็นพยานด้วย
ทนายความจำเลยที่ 22 แถลงว่าจำเลยที่ 22 เป็นเพียงผู้ลงทุนไม่เคยชักชวนหรือโฆษณาให้ใครมาลงทุนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทจำเลยที่ 2 พร้อมระบุว่าจำเลยที่ 22 เป็นผู้เสียหายคนหนึ่งไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ทนายความจำเลยที่ 23 แถลงว่าจำเลยที่ 23 เป็นเพียงนักลงทุนไม่เคยชักชวนใครมาลงทุนไม่เคยรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดไม่ได้ทำผิดตามฟ้อง โดยจำเลยที่ 23 ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีใต้ เงินที่ได้จากจำเลยที่ 1 เป็นเพียงเงินค่าศัลยกรรมและเงินตอบแทนจากการลงทุนยืนยันไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ทั้งนี้ ภายหลังศาลตรวจพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยเสร็จแล้ว ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก วันที่ 10 ส.ค. 2566 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวจำเลยชายและหญิงทั้งหมด ไปยังห้องขังชั้นล่างศาลอาญา เพื่อรอขึ้นรถกลับเรือนจำต่อไป ขณะที่อัยการโจกท์และทนายความจำเลย รวมทั้งบรรดาเพื่อนและญาติของจำเลย ต่างทยอยพากันเดินทางกลับ
สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 24 คนตามลำดับ ประกอบด้วย นายอภิรักษ์ โกฎธิ อายุ 28 ปี ผู้บริหารแชร์ Forex3-D จำเลยที่ 1,บริษัท อาร์เอ็มเอสแฟมิลี่ จำกัด โดย นายกิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช อายุ 41 ปี จำเลยที่ 2, บริษัท มีดีเพลย์ จำกัด โดย นายศิษฎ์ธนาฒย์ โพธิ์เงิน จำเลยที่ 3, นายศิษฎ์ธนาฒย์ โพธิ์เงิน อายุ 32 ปี จำเลยที่ 4, นายสุภิญโญ มีสมปราชญ์ จำเลยที่ 5, นายกิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช อายุ 41 ปี จำเลยที่ 6 (พี่ชายพิงกี้), น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้ นักแสดงชื่อดัง อายุ 36 ปี จำเลยที่ 7, นางสรินยา ไชยเดช อายุ 63 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว (มารดาพิ้งกี้) จำเลยที่ 8, นายณัฐธีร์ พีระชัยรมย์ หรือ นายวาริท อาเช่อร์ หรือ นายพสิษฐ์ ศักดิ์ธนินท์ 31 ปี อาชีพธุกิจส่วนตัว จำเลยที่ 9,นายศิราเมษฐ์ สุภัคศิริประสาน อายุ 40 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 10
นายธรรศิวรรฒ ฉันทานุกูล อายุ 29 ปี อาชีพ นักแสดงอิสระ จำเลยที่ 11, นายปฏิภาณ มะนัส อายุ 27 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 12, นายอนุพงศ์ จุลมุสิก อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้าง จําเลยที่ 13, นายนวพล เรืองอักษร อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง จําเลยที่ 14,
นายรพีพัฒน์ ภิรมย์จันทร์ อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 15
นายสุรสิทธิ์ คำยันต์ อายุ 35 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว จําเลยที่ 16,นายณัฐพงษ์ ปัญญาวงศ์ อายุ 28 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว จำเลยที่ 17, นางนงนุช โกฎธิ อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย จำเลยที่ 18, นายกิตติชัย โกฎธิ อายุ 26 ปี อาชีพนักศึกษา จำเลยที่ 19, นายอับดุลฮากีม ปิมะแม อายุ 28 ปี อาชีพรับจ้าง จําเลยที่ 20, น.ส.ภคมน สีกุน อายุ 34 ปี อาชีพค้าขาย จำเลยที่ 21, นายกษม กลปราณีต หรือ โบ๊ท อายุ 32 ปี อาชีพนักร้อง นักแสดง นายแบบ จำเลยที่ 22, น.ส.ธัญญนันช์ ณัฐนนท์ชญนัท อายุ 42 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว จำเลยที่ 23 และ นายทินกร โกฎธิ อายุ 55 ปี อาชีพรับจ้าง จำเลยที่ 24