xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง 10 เเกนนำม็อบอยากเลือกตั้งชุมนุมหน้ากองทัพบก ปี 61-ปรับคนละ 200 บาท ข้อหาลักลอบใช้เครื่องขยายเสียง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ศาลอาญายกฟ้อง 10 เเกนนำคนอยากเลือกตั้งชุมนุมหน้ากองทัพบก ปี 61 ชี้ ชุมนุมโดยสงบตามระบอบ ปชต. ไม่ผิดฐานยุยงก่อความวุ่นวาย เเต่สั่งปรับคนละ 200 บาท ข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม, นายสิริวิชญ์ หรือจ่านิวเสรีธิวัฒน์, นายปกรณ์ อารีกุล, นายอานนท์ นำภา, นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายศรีไพร นนทรี, นายธนวัฒน์ พรหมจักร, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ และ นายเอกชัย หงส์กังวาน
แกนนำผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง หรือ คดี ARMY57 เหตุชุมนุมและปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และเคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้ากองบัญชาการทัพบก ในวันที่ 24 มี.ค. 2561 ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ, ร่วมกันเดินขบวนขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ และร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ในวันนี้ จำเลยทั้ง 10 คน และทนายความได้ทยอยมาศาล พร้อมกับญาติและผู้ที่มาให้กำลังใจส่วนหนึ่งนั่งรออยู่ในห้องพิจารณา

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ แต่ลงโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง ลงโทษปรับคนละ 200 บาท

โดยระบุว่า ในคดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของของจำเลยทั้งสิบเป็นความผิดหรือไม่ ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันที่ 19 มี.ค. 2561 ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ได้ทำการยื่นแจ้งจัดการชุมนุมสาธารณะ และการขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงต่อผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม โดยระบุสถานที่จัดการชุมนุม คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ก่อนจะมีการเคลื่อนขบวนไปตามถนนราชดำเนินกลาง ราชดำเนินใน และราชดำเนินนอก ไปสิ้นสุดที่กองบัญชาการกองทัพบก เจ้าพนักงานที่รับแจ้งการชุมนุมได้กำหนดเงื่อนไขว่าผู้จัดการชุมนุมต้องควบคุมการชุมนุมไม่ให้กีดขวางประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะและกีดขวางการจราจร ต้องไม่เคลื่อนขบวนระหว่างเวลา 18.00-06.00 น. และต้องเลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่กำหนด

ในวันเกิดเหตุเมื่ออวันที่ 24 มี.ค. 2561 จำเลยทั้ง 10 ได้มาร่วมชุมนุมในที่เกิดเหตุ รวมถึงมีการขึ้นรถกระบะสลับกันกล่าวถ้อยคำปราศรัย โดยเนื้อหาการปราศรัยเกี่ยวกับความสำคัญของการเลือกตั้ง และเรียกร้องไม่ให้มีเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและการนำสืบพยาน เห็นว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นไปอย่างสงบสันติ ไม่มีความรุนแรง หรือพฤติกรรมยุยงปลุกปั่น เป็นการกระทำซึ่งเป็นวิถีในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นการชุมนุมตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญและสิทธิพลเมือง เห็นว่าไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

ในส่วนของประเด็นการกีดขวางทางจราจร ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวประมาณ 300 คน แม้ประชาชนบางส่วนลงไปบนพื้นผิวจราจรบ้าง แต่ไม่ได้สร้างความรบกวนถึงขั้นเดือดร้อนต่อผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของการชุมนุม นอกจากนี้ จำเลยทั้งสิบไม่ได้มีเจตนาจะกีดขวางทางจราจร รวมถึงไม่มีผู้ใดมาแจ้งความว่าได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมดังกล่าวแต่อย่างใด

เรื่องการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ขณะที่กลุ่มจำเลยและผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปตามเส้นทางที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสกัดกั้นขบวนของผู้ชุมนุม จึงทำให้ไม่สามารถเลิกการชุมนุมภายในเวลาที่กำหนด ทางฝั่งโจทก์ไม่ได้มีหลักฐานมาแสดงและโต้แย้งในประเด็นนี้ ศาลจึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

สำหรับข้อหาตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จะมีตัวแทนมายื่นหนังสือขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม แต่ไม่ได้มีการยื่นหนังสือขออนุญาตกับเจ้าพนักงานเขตท้องที่ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแต่อย่างใด เมื่อไม่ปรากฏว่า มีการแจ้งขออนุญาตดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้องในข้อหานี้
กำลังโหลดความคิดเห็น