เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์เปิดเป็นคลินิกเสริมความงาม ใกล้แยกเจริญผล เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฉีดน้ำ 30 นาที เพลิงสงบ เบื้องต้นพบความเสียหาย 5 คูหา ส่วนสาเหตุคาดไฟฟ้าลัดวงจร
วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.39 น. ร.ต.ท.ปาณัสม์ กลิ่นขจร สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง บริเวณซอยจุฬาลงกรณ์ 5 ถนนพระรามที่ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน และประสานรถดับเพลิงจากสำนักปัองกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่กู้ภัยบรรทัดทองเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น ปลูกติดกัน 7 คูหา พบแสงเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งออกจากบริเวณด้านหน้าคลินิกก่อนจะลุกลามไปยังอาคารข้างเคียงอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรในถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกปทุมวัน ถึง แยกเจริญผล พร้อมระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพิลง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบความเสียหายประมาณ 5 คูหา ซึ่งทรัพย์สินและสิ่งของที่อยู่ภายในร้านทั้งอุปกรณ์ต่างๆถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมดแต่ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ขณะที่ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าช็อต เวลา 13.32 น. ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณ ถ.พระราม 1 ระหว่างแยกเจริญผลและแยกปทุมวัน โดยห่างจากแยกเจริญผล 20 เมตร ซึ่งพบว่าจุดเกิดเหตุเป็นต้นเพลิง คือ หน้าคลินิกเสริมความงาม ก่อนที่จะลุกลามไปยังอาคารข้างเคียงซึ่งเป็นร้านนวดสปา ทั้งนี้ จากคลิปวิดีโอที่เป็นหลักฐานสามารถบันทึกไว้ช่วงเกิดเหตุ พบว่า มีไฟสปาร์กบริเวณหม้อแปลง ก่อนได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด ก่อนที่จะไหม้ลุกลาม และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาไม่นานในการคุมเพลิง
นายทรงพล ธรรมมงคล หัวหน้าสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบรรทัดทอง เปิดเผยว่า สาเหตุคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจากหม้อแปลงด้านหน้าคลินิกเสริมความงาม ก่อนจะเกิดประกายไฟ ไปโดนป้ายคลินิกและลุกลามเข้าตัวอาคาร ซึ่งขณะนี้สามารถคุมเพลิงได้ทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ความเสียหายเบื้องต้นมีอาคารเกิดเพลิงไหม้จำนวน 5 คูหา ประกอบด้วย คลินิกเสริมความงาม และ ร้านนวดสปา ซึ่งหลังเกิดไฟไหม้พบว่าไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 5 นาที เนื่องจากจุดที่เกิดไฟเป็นสัาดุที่ทำจากพลาสติกไวไฟ
ทั้งนี้ หลังจากดำเนินการควบคุมเพลิงแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย ซึ่งสาเหตุการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรระเบิด จะต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบยืนยันอีกครั้ง ส่วนตัวอาคารจะต้องรอให้สำนักงานเขตมาตรวจสอบโครงสร้างตึก เพราะจากข้อมูลเป็นอาคารเก่า ต้องประเมินว่าจะสามารถใช้อาคารนี้ต่อไปได้หรือไม่
