xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้องแอดมินเพจ “เรารักประยุทธ์” โพสต์รูปตัดต่อ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ชี้แม้มีข้อความไม่เหมาะสมแต่เป็นสิทธิเสรีภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


จำเลยมาฟังคำพิพากษา
ศาลอาญายกฟ้อง แอดมินเพจ “เรารักประยุทธ์” โพสต์ภาพและข้อความตัดต่อ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประวิตร” ชักชวนมาลอยกระทงปี 58 ศาลชี้แม้จะมีภาพและข้อความไม่เหมาะสม รุนแรงไปบ้าง แต่แสดงความคิดเห็น ตามสิทธิเสรีภาพ วิถีทางระบอบประชาธิปไตย ไม่มีเจตนาให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (7 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดี 8 แอดมินเพจล้อเลียนเพจ “เรารักประยุทธ์” หมายเลขดำ อ.3036/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภชัย สายบุตร น.ส.ณัฏฐิกา หรือ นัท วรธันยวิชย์ นายนพเก้า คงสุวรรณ นายธนวรรธ บูรณศิริ นายโยธิน มั่งคั่งสง่า นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา และ นายหฤษฎ์ มหาทน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-8 ตามลำดับในความผิดฐานร่วมกันก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องขึ้นในหมู่ประชาชนหรือขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

กรณีจำเลยทั้ง 8 คน กับพวกที่หลบหนีร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำเปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “เรารักพลเอกประยุทธ์” มีเนื้อหาการทำงานรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยจำเลยที่1,2,4 และ 5 เป็นผู้ดูแล (ADMIN) เว็บเพจ “เรารักพลเอก ประยุทธ์” จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ตัดต่อรูปภาพ

ส่วนจำเลยที่ 6 มีหน้าที่จัดหาข้อมูลตัดต่อรูปภาพ จำเลยที่ 7 มีหน้าที่เผยแพร่เนื้อหา ตัดต่อรูปภาพ โดยมีจำเลยที่ 8 มีหน้าที่คอยสั่งการและจ่ายค่าจ้างให้จำเลยอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการทำเว็บเพจดังกล่าว


โดยเมื่อระหว่างเดือน พ.ย. 2558 ถึงวันที่ 7 เม.ย. 2559 จำเลยทั้งแปดร่วมกันโพสต์ภาพใบหน้า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม (ขณะนั้น) ตัดต่ออยู่บนกระทง พร้อมข้อความว่า “ร่วมลอยกระทงยักษ์ขับไล่ (เผด็จการ) อัปมงคล รำวงสืบสานวิถีราษฎร และกิจกรรมอื่นๆ ที่ลานปรีดี พนมยงค์ มธ.ท่าพระจันทร์ โดยจำเลยทั้งแปดรู้อยู่แล้วว่า การโพสต์ภาพและข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์มุ่งประสงค์ให้ประชาชนที่เห็นภาพและอ่านข้อความดังกล่าว ซึ่งเป็นการสร้างความกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนร่วมกันออกมาขับไล่รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ ถึงขนาดก่อความวุ่นวายขึ้นในราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตาม ปอ.ม.116, 83 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ ศ. 2550 ม.14

ทั้งนี้ จำเลยที่ 1, 3-8 ได้รับการประกันตัว ส่วน น.ส.ณัฏฐิกา หรือ นัท ลี้ภัยไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยวันนี้ พนักงานอัยการและจำเลยที่ 1, 3-8 พร้อมทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า การโพสต์ภาพตัดต่อดังกล่าวลงในเพจเฟซบุ๊ก “เรารัก พลเอก ประยุทธ์” แม้จะมีข้อความที่ไม่เหมาะสม รุนแรงเกินเลยไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีความมุ่งหมายชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายหรือล้มล้างรัฐธรรมนูญฯ นอกจากนี้ ในวันนัดหมายดังกล่าวก็เป็นการรวมตัวกันของประชาชนที่ปราศจากอาวุธ และไม่ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1, 3-8 แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาล ก็เป็นไปตามสิทธิเสรีภาพในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1, 3-8 เป็นความผิดตาม มาตรา 116 จึงพิพากษายกฟ้อง


ภายหลัง นายวิญญัติ ชาติมนตรี กล่าวว่า ศาลวินิจฉัย 2 ประเด็น คือ มีหลักฐานในเชิงประจักษ์ที่ได้จากการซักถามในค่ายทหาร ว่า น้องๆ ที่เป็นจำเลยทั้ง 7 คน ได้โพสต์ภาพและข้อความที่มีการตัดต่อลงในระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งศาลมองว่ามีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ แต่หลักฐานต่างๆ ก็ไม่ยืนยันว่า การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนั้นผิดกฎหมายอาญามาตรา 114 หรือไม่ และการตัดต่อภาพอาจจะเป็นความผิดตามมาตรา 116 อย่างไรก็ตาม ศาลได้วินิจฉัยประเด็นต่อมาว่า เนื้อหาที่มีภาพ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร รองนายกฯ และมีการชักชวนให้ทำกิจกรรมในวันลอยกระทง เมื่อปี 2559 แม้จะมีคำว่าเผด็จการ อัปมงคล หรือ มีรูปภาพของนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิและเสรีภาพตามวิถีทางประชาธิปไตย เนื้อหาก็ไม่ได้เป็นอันตรายหรือชักชวนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ถือว่าคดีในชั้นต้นสิ้นสุดแล้ว เมือคดีที่โอนมาจากศาลทหารมีหลักฐานไม่สมบูรณ์หรือไม่สามารถพิสูจน์ได้ในเชิงประจักษ์ และศาลได้วินิจฉัยเนื้อหา ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดแล้วตนก็ไม่อยากให้อัยการอุทธรณ์คดีอีก

สำหรับ น.ส.ณัฏฐิกา หรือ นัท นั้น ศาลสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวตั้งแต่ปี 2559 เนื่องจากเชื่อว่าหลบหนี ซึ่งถ้าหาก น.ส.ณัฎฐิกา หรือ นัท ได้สถานะผู้ลี้ภัยตามกฎหมายระหว่างประเทศ ก็ถือว่ายังอยู่ในต่างประเทศได้ และอาจจะไม่เดินทางกลับมาประเทศไทย หรือจะกลับมาหลังคดีขาดอายุความก็เป็นสิทธิ ซึ่งก็มีหลายคดีที่รัฐปล่อยให้ขาดอายุความก็เห็นมาแล้ว และคดีนี้ก็ไม่ได้มีโทษหนักอะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น