ศาลธนบุรีตัดสินพรุ่งนี้ หมอ รพ.ตำรวจ เมาซิ่งปอร์เช่ ชนเก๋งซีวิค ตาย 2 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย ลูกชายคนตายเผย ผู้ก่อเหตุยืนยันจ่ายค่าเยียวยาแค่ 2 ล้านกว่าบาท จึงขอความเป็นธรรมให้ศาลไม่รอลงอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ย.) ศาลอาญาธนบุรีนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.153/2565 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 4) โจทก์ร่วม น.ส.ผ่องเพชร สิริอิสสระนันท์ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ฟ้อง ร.ต.อ.นพ.ภาณุรักษ์ รัตนไพศร นายแพทย์ (สบ1) กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.ตำรวจ เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถขณะเมาสุรา และโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส ขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดและขับรถที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อมในเวลาต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522
อัยการโจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2564 เวลากลางคืนจำเลยได้ขับรถปอร์เช่ ป้ายแดงไปตาม ถ.ราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กทม. ในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถความเร็วเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่กฎหมายกำหนด แล้วได้เกิดพุ่งชนท้ายรถยนต์ฮอนด้าซีวิคได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งผู้โดยสารในรถยนต์ซีวิค 2 คน ได้รับอันตรายจนถึงแก่ความตาย และหญิงที่ขับขี่รถยนต์ซีวิค คันดังกล่าวได้รับอันตรายสาหัส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ นายกานต์พงศ์ สิริอิสสระนันท์ ลูกชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คดีนี้เดิมจำเลยให้การปฏิเสธ แต่กลับคำให้การเป็นรับสารภาพ และจำเลยขอให้ศาลตัดสินลงโทษสถานเบา หากจำเลยได้ชดเชยเยียวยาผู้เสียหายตามสมควร โดยอ้างว่าตนยังเป็นนักศึกษาแพทย์ ไม่มีรายได้มากมาย อีกทั้งบริษัทที่ตัวเองเป็นถือหุ้นใหญ่อยู่เป็นของพ่อแม่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ในส่วนรถยนต์ปอร์เช่ที่ใช้ก่อเหตุมีราคามากกว่า 7 ล้านบาท และจดทะเบียนในนามบริษัทของครอบครัวจำเลย ซึ่งตนเองและ น.ส.ผ่องเพชร น้องสาว (บาดเจ็บสาหัส) มองว่า ร.ต.อ.ภาณุรักษ์ ไม่มีความจริงใจ พยายามสู้คดีเมาแล้วขับและทุกข้อหาอื่นๆ มาโดยตลอด การเยียวยาก็อ้างว่าไม่มีเงิน เป็นแค่หมอจบใหม่ ครอบครัวไม่ได้มาช่วยเหลือ และปฏิเสธทุกข้อหามาตลอด บอกว่า ตัวเองจะสู้คดีเมาแล้วขับให้รอด บริษัทประกันจะได้ยอมจ่ายเงินชดเชยให้เหยื่อเพิ่ม แม้ว่าจะปรากฏฐานะชัดเจนว่าครอบครัวผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ขัดสน แต่รับผิดชอบกับการกระทำตัวเองไม่ได้ ทางจำเลยวางเงินค่าสินไหมทดแทนสำหรับครอบครัวตนที่ศาลเป็นจำนวนเงิน 1.5 ล้านบาท สำหรับการเสียชีวิตของพ่อตนเเละ 1 ล้านบาท สำหรับผู้บาดเจ็บสาหัสซึ่งเป็นน้องสาว รวมกันราคาสองชีวิตยังไม่ถึงครึ่งของมูลค่ารถปอร์เช่ที่ผู้ก่อเหตุขับชน จึงหวังว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมลงโทษอย่างเหมาะสม โดยไม่มีการรอลงอาญา