MGR Online -“เลขาฯ ป.ป.ส.” เดินหน้าปราบยาเสพติดตามวาระแห่งชาติ เร่งจับกุมเครือข่ายตามหมายจับ 8,040 คดี หนีเผ่นประเทศเพื่อนบ้าน ต่อยอดขยายผลยึดทรัพย์ ตั้งเป้า 1 แสนล้านบาท
วันนี้ (19 ต.ค.) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงแผนปราบปรามยาเสพติด ว่า สำนักงาน ป.ป.ส. มีนโยบายและแผนระดับชาติ ว่าด้วยการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. 2566-2570 ประกอบไปด้วย แผน 6 ด้าน สำหรับนโยบายและแผนด้านการปราบปรามยาเสพติด จะดำเนินการควบคู่ไปกับนโยบายและแผนด้านการตรวจยึดทรัพย์สิน การปราบปรามยาเสพติดจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ต่อเมื่อมีการขยายผลการจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด เพื่อทำลายเครือข่ายงานการค้าทั้งขบวนการ ซึ่งจะนำไปสู่การยึดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด เพราะเมื่อทราบว่าผู้กระทำความผิดมีความประสงค์เงินทอง รวมถึงอยากมีทรัพย์สินไว้ครอบครอง สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการตัดท่อน้ำเลี้ยง กล่าวคือ ต้องมีการปราบปรามยาเสพติด
นายวิชัย กล่าวว่า จะปราบปรามยาเสพติดอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้มาตรการในการยึดทรัพย์สินควบคู่ไปด้วย เนื่องจากขบวนการค้ายาเสพติด มีกลุ่มเครือข่าย มีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนหลายคน หากจับกุมได้เพียงแต่ผู้กระทำผิดซึ่งเป็นผู้รับจ้างขน จะไม่มีทรัพย์สินให้ยึด เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ คือ เรื่องของการขยายผลจากคดีที่จับกุม ขยายผลครอบคลุมทั้งขบวนการและเครือข่าย ตั้งแต่ผู้ขน ผู้สั่งการ ผู้ดำเนินการ เรื่องเงิน ผู้ดำเนินการด้านธุรกิจด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมด จึงจะไปสู่มาตรการการยึดทรัพย์สิน และลงโทษ
“ดังนั้น จะต้องมีการจับกุมทั้งตัวยา และสืบสวนขยายผลทั้งทรัพย์สินและเรื่องของการสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดด้วย และใช้มาตรการยึดทรัพย์ควบคู่ไปด้วย สำนักงาน ป.ป.ส. มีเป้าหมายสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์สินให้ได้ 100,000 ล้านบาท ประมาณ 1,000 เครือข่าย เพื่อขยายผลคดีที่มีการจับกุม และมีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการทั้งหมด ปีงบประมาณ 2566 สำนักงาน ป.ป.ส. มีเป้าหมายจะสืบสวนขยายผล ประมาณ 1,000 เครือข่าย ยึดทรัพย์ให้ได้ 100,000 ล้านบาท”
นายวิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ปัจจุบันผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังจับกุมไม่ได้ มี 8,040 คดี ประกอบด้วย ผู้ที่กระทำความผิด ที่ผู้หลบหนีหมายจับหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน พบว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะเข้าไปพัวพันกับกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดและด้วยบุคคลที่มีหมายจับติดตัวอยู่แล้ว เหมือนเป็นใบเบิกทางเพิ่มความน่าเชื่อถือเพื่อช่วยยืนยันว่ากลุ่มเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อำพรางตัวมา และอีกประการหนึ่ง คือ รู้จักกลุ่มผู้ค้าของประเทศต้นทางได้มากขึ้น ทำให้สามารถเป็นตัวกลางที่จะนำยาเสพติดจากแหล่งผลิตเข้ามาในประเทศของเรา อีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในการจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนีเหล่านี้มาดำเนินคดีให้ได้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อเป็นรางวัลนำจับให้กับผู้จับกุมบุคคลที่มีหมายจับและหลบหนีอยู่
“ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานความร่วมมือในการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ ร่วมกับประเทศเมียนมาและประเทศลาว สำหรับกรณีที่มีการทำความผิดที่ต่างประเทศ ต้องรอให้การดำเนินคดีในประเทศนั้นเสร็จ จึงจะส่งตัวกลับมาดำเนินการต่อ สำหรับบุคคลที่มีหมายจับ สำนักงาน ป.ป.ส. สามารถนำหมายจับผู้กระทำผิดไปตรวจสอบคดีย้อนหลัง เพื่อยึดทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวทางการเงิน แล้วจึงใช้มาตรการขยายผลยึดทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก ถึงแม้จะจับตัวผู้กระทำความผิดไม่ได้ก็ตาม และยังสามารถยึดทรัพย์สินเข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดต่อไป” นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย ยังกล่าวอีกว่า จากสถิติผลการจับกุมคดียาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลการดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2562 มาจนถึงปี 2565 สำหรับปี 2562 มียอดคดีถึง 373,598 คดี มีผู้ต้องหาถึง 389,520 คน และภาพรวมมีแนวโน้มลดลงทุกปี จนมาถึงปี 2565 มีคดี 258,629 คดี มีจำนวนผู้ต้องหา 266,726 คน จะเห็นว่า ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ต้องหาและจำนวนคดีลดลงเกือบแสน คดียาเสพติดลดลงเช่นกัน แต่จะสวนทางในเรื่องของการยึดทรัพย์ เรียกว่าเป็นปฏิภาคผกผัน เราจะเห็นได้ว่า ปี 2562-2563 ที่ผ่านมานี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ยึดได้ไม่ถึง 1,000 ล้านบาท แต่ปี 2564 เรายึดได้มากกว่า 7,000 ล้านบาท และปี 2565 เรายึดได้กว่า 11,000 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าไว้ 100,000 ล้านบาท